ผลการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบ STAD เสริมด้วยสื่อประสมที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาทัศนศิลป์และพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาทัศนศิลป์ ระหว่างก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบ STAD เสริมด้วยสื่อประสม 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาทัศนศิลป์ หลังการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบ STAD เสริมด้วยสื่อประสมกับเกณฑ์ร้อยละ 75 3) ศึกษาพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม และ4) ศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบ STAD เสริมด้วยสื่อประสม กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนอุดรพิชัยรักษ์พิทยา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 จำนวน 30 คน โดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีค่าความยากง่าย ระหว่าง 0.34 - 0.72 ค่าอำนาจจำแนก ระหว่าง 0.27 - 0.68 และค่าความเชื่อมั่น 0.88 3) แบบประเมินพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม 4) แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าทีแบบไม่อิสระ และการทดสอบค่าทีแบบกลุ่ม ผลการวิจัยพบว่า 1. นักเรียนที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบ STAD เสริมด้วยสื่อประสม มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาทัศนศิลป์ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2.นักเรียนที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบ STAD เสริมด้วยสื่อประสม มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาทัศนศิลป์ หลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ75 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. พฤติกรรมการทำงานกลุ่มของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD เสริมด้วยสื่อประสม โดยรวมอยู่ในระดับดี 4. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบSTAD เสริมด้วยสื่อประสม อยู่ในระดับมาก
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2553). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
แคทลียา ใจมูล. (2550). ผลการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค STAD ในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนห้วยล้านยาววิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงราย เขต 2.วิทยานิพนธ์ ค.ม. เชียงราย: มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
จิราวรรณ พาชอบ.(2567). ผลการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับสื่อประสมที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและพฤติกรรมการทำงานกลุ่มของนักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตอุดรธานี. Journal of Buddhist Education and Research.10(4), 253–261.
ทอฝัน แววกระโทกและผดุง เพชรสุข. (2565) .ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD รายวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5.วารสารนวัตกรรมการจัดการศึกษาและการวิจัย. 4(2), 27–42.
โรงเรียนอุดรพิชัยรักษ์พิทยา .(2568). รายงานการปฏิบัติงานประจำปีของสถานศึกษา (Self-Assessment Report: SAR) ปีการศึกษา 2567. อุดรธานี: โรงเรียนอุดรพิชัยรักษ์พิทยา.
วริษฐา สุทธิวิลัยและนิเวศน์ คำรัตน์. (2567).ผลการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคเอสทีเอดีร่วมกับผังกราฟิกที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและเจตคติต่อการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1.วารสารครุศาสตร์.คณะครุศาสตร์. มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์, 7(2), 102–112.
สมฤทัย หาญนาดง, สมชาย พาชอบและเกียรติศักดิ์ ชารีโคตร. (2566).ผลการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ STAD เสริมด้วยแบบฝึกทักษะ ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1.วารสารการบริหารจัดการและนวัตกรรมท้องถิ่น.5(3). 22-35.
อัจฉริยะ วงษ์คำซาวและไชยวัฒน์ ชุ่มนาเสียว. (2566) .การพัฒนาสมรรถนะขั้นสูงของนักศึกษาวิชาชีพครู ด้านการประพันธ์เพลง การแต่งบทกลอนหมอลำและการแต่งบทผญา โดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับสื่อประสม.วารสารวิชาการธรรมทรรศน์, 22(3), 235–248
Fitz – Gibbon, C. T. & Morris, L. L. (1987). How to design a program evaluation. Newbury Park,CA:Sage.
Palmer W.Agnew, Anne S.Kellerman, Jeanine M.Meyer.(1996). Multimedia in the classroom. Boston : Allyn and Bacon.