การใช้รูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถทางภาษา และความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่ 3

Main Article Content

วัชราภรณ์ อาสนะ

บทคัดย่อ

           งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถทางภาษาและความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กปฐมวัย รวมถึงออกแบบและพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่บูรณาการทักษะทั้งสองด้านให้เหมาะสมกับบริบทการเรียนรู้จริงของเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 3 การวิจัยใช้รูปแบบการวิจัยและพัฒนา (R&D) ในลักษณะเชิงทดลอง โดยเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างเด็กปฐมวัย จำนวน 32 คน พร้อมครูผู้สอนและผู้ปกครอง โดยใช้เครื่องมือสำคัญ ได้แก่ แบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า แบบประเมินความสามารถทางภาษาและความฉลาดทางอารมณ์ของเด็ก แบบบันทึกพฤติกรรม และแบบประเมินคุณภาพรูปแบบการจัดประสบการณ์ โดยวิเคราะห์ข้อมูลทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ


          ผลการวิจัยพบว่า การจัดประสบการณ์ในปัจจุบันยังอยู่ในระดับปานกลางโดยมีข้อจำกัดด้านทรัพยากรและการฝึกอบรมครู รูปแบบการจัดประสบการณ์ที่พัฒนาขึ้นซึ่งบูรณาการกิจกรรมส่งเสริมภาษาและอารมณ์ผ่านการเล่าเรื่องและบทบาทสมมติ มีประสิทธิภาพอย่างมีนัยสำคัญในการพัฒนาคะแนนความสามารถทางภาษาและความฉลาดทางอารมณ์ของเด็ก (p < .05) รวมทั้งได้รับความพึงพอใจสูงจากครูและผู้เกี่ยวข้อง (Mean = 4.35, SD = 0.42) ผลวิจัยชี้ให้เห็นว่า รูปแบบการจัดประสบการณ์นี้เหมาะสมและสามารถนำไปขยายผลเพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็กในบริบทอื่น ๆ ได้

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
อาสนะ ว. (2025). การใช้รูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถทางภาษา และความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่ 3. Journal of Integration Social Sciences and Development, 5(2), 50–58. สืบค้น จาก https://so15.tci-thaijo.org/index.php/JISSD/article/view/2596
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

พรพิไล เลิศวิชา และอัครภูมิ จุภากร. (2550). พัฒนาการทางภาษาเด็กปฐมวัย. วารสารการศึกษา, 12(3), 124–126.

ภิญโญอนันตพงษ์ ส. (2015). การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมครูเพื่อส่งเสริมพัฒนาการทางอารมณ์และสังคมของเด็กปฐมวัย. วารสารวิชาการศึกษาศาสตร์ ศรีนครินทรวิโรฒ, 16(1).

รวิวรรณ รุ่งไพรวัลย์. (2556). การส่งเสริมทักษะภาษาสำหรับเด็ก. ในตำราพัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก เล่ม 3 การดูแลเด็กสุขภาพดี. กรุงเทพมหานคร: บียอนด์ เอ็นเทอร์ไพรซ์.

สิริมา ภิญโญอนันตพงษ์ (2558). การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมครูเพื่อส่งเสริมพัฒนาการทางอารมณ์และสังคมของเด็กปฐมวัย. วารสารวิชาการศึกษาศาสตร์ ศรีนครินทรวิโรฒ, 16(1). Retrieved from https://ejournals.swu.ac.th/index.php/jedu/article/view/6670

สมโภชน์ เอี่ยมสุภาษิต. (2553). การพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ในเด็กปฐมวัย. วารสารวิชาการ, 15(2), 83.

สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษากระทรวงศึกษาธิการ. (2560). หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย. กระทรวงศึกษาธิการ.

Bronfenbrenner, U. (1979). The ecology of human development: Experiments by nature and design. Harvard University Press.

Denham, S., et al. (2012). Social-emotional learning in early childhood. Early Childhood Research Quarterly, 27(1), 105-114.

Goleman, D. (1995). Emotional intelligence. Bantam Books.

Goleman, D. (1998). Working with emotional Intelligence. New York: Bantam Book. 259.

Hein, S. (2012). Emotional intelligence and mental health. Retrieved from [Online source].

Kolb, D. A. (1984). Experiential learning: Experience as the source of learning and development. Prentice Hall.

Piaget, J. (1969). The psychology of the child. Basic Books.

Rebecca. (1998). Developing emotional intelligence in the classroom. [Publisher if known].

Rogers, E. M. (2003). Diffusion of innovations (5th ed.). Free Press.

Smith, J., & colleagues. (2020). Factors influencing early childhood education. Journal of Early Childhood Research, 18(4), 350-367.

Tomlinson, C. A. (2014). The differentiated classroom: Responding to the needs of all learners (2nd ed.). ASCD.