จริยธรรมของบรรณาธิการ (Editor) |
1. บรรณาธิการยึดมั่นหลักจริยธรรมสากลในการตีพิมพ์บทความในวารสาร และให้ความสำคัญกับการป้องกันผลประโยชน์ |
ทับซ้อนระหว่างบรรณาธิการ เจ้าหน้าที่วารสาร ผู้นิพนธ์ ผู้ประเมินบทความ และสมาชิกกองบรรณาธิการ |
2. บรรณาธิการมีหน้าที่จัดพิมพ์คำแนะนำที่ทันสมัยสำหรับการเตรียมบทความให้แก่ผู้นิพนธ์ตามที่บรรณาธิการคาดหวัง |
3. บรรณาธิการสนับสนุนความถูกต้องทางวิชาการของบทความตีพิมพ์ในวารสาร โดย |
3.1 มีการดำเนินการคัดเลือกบทความที่มีคุณภาพเพื่อตีพิมพ์ในวารสาร โดยพิจารณาจากความสำคัญ ความใหม่ |
ความชัดเจน และความสอดคล้องของเนื้อหากับนโยบายและขอบเขตของวารสารเป็นสำคัญ |
3.2 จัดให้มีกระบวนการพิจารณาประเมินบทความจากผู้ประเมินบทความที่มีความเชี่ยวชาญต่อหัวข้อและเนื้อหาของ |
บทความ รวมถึงมีระบบการปกปิดเป็นความลับในระหว่างขั้นตอนการพิจารณาประเมิน และมีระบบปกป้องข้อมูลส่วนตัว |
ของผู้ประเมินบทความ |
3.3 หากพบความไม่ถูกต้องเกิดขึ้นกับบทความวิชาการที่ตีพิมพ์ไปแล้ว รวมถึงมีประโยคที่นำไปสู่ความเข้าใจผิด หรือ |
เป็นรายงานที่บิดเบือนข้อเท็จจริง บรรณาธิการต้องแก้ไขทันทีและด้วยความชัดเจน |
3.4 หากพบการประพฤติทุจริตภายหลังการดำเนินการตรวจสอบแล้ว บรรณาธิการต้องดำเนินการเพิกถอนบทความนั้น |
ด้วยความชัดเจนที่จะสามารถพิสูจน์ได้ รวมถึงจัดทำประกาศการเพิกถอนให้แก่ผู้อ่าน และระบบฐานข้อมูลอื่นๆ |
ให้ทราบด้วย |
4. บรรณาธิการต้องมีการตรวจสอบบทความในด้านการคัดลอกผลงานผู้อื่น (Plagiarism) อย่างเคร่งครัด |
5. บรรณาธิการต้องไม่เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจในการตอบรับบทความที่ถูกปฏิเสธการติพิมพ์ไปแล้ว และไม่กลับคำตัดสินใจ |
มาตีพิมพ์บทความที่บรรณาธิการคนก่อนตอบปฏิเสธไปแล้ว ยกเว้นมีการพิสูจน์ถึงปัญหาเกิดขึ้น |
6. บรรณาธิการจัดเตรียมช่องทางให้ผู้นิพนธ์สามารถอุทธรณ์ได้ หากผู้นิพนธ์มีความคิดเห็นแตกต่างจากการตัดสินใจของ |
บรรณาธิการ รวมถึงให้ข้อชี้แจงหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการตรวจสอบประเมินบทความ (peer review) |
7. บรรณาธิการจัดเตรียมช่องทางการร้องเรียน และมีการตอบกลับคำร้องเรียนอย่างเร็วที่สุด |
|
จริยธรรมของผู้ประเมินบทความ (Reviewer) |
1. ผู้ประเมินบทความต้องไม่เปิดเผยข้อมูลในบทความแก่บุคคลอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องในช่วงระยะเวลาของการประเมินบทความ |
2. ผู้ประเมินบทความต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับผู้นิพนธ์ที่กำลังพิจารณา |
3. ผู้ประเมินบทความควรรับพิจารณาเฉพาะบทความที่ตนเองมีความเชี่ยวชาญเท่านั้น และต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน |
ต่อบทความที่กำลังพิจารณา |
4. ผู้ประเมินควรตรวจสอบความซ้ำซ้อนของบทความ หากพบว่ามีการคัดลอก เจตนาให้ข้อมูลเท็จ หรือปิดบังอำพราง |
ควรแจ้งให้บรรณาธิการทราบ |
|
จริยธรรมของผู้นิพนธ์ (Author) |
1. ผู้นิพนธ์ต้องไม่ตีพิมพ์บทความซ้ำซ้อน รวมถึงไม่นำต้นฉบับที่ยังอยู่ในกระบวนการประเมินของวารสารยื่นส่งวารสารอื่น |
2. ผู้นิพนธ์ต้องไม่คัดลอกผลงานและข้อความของผู้อื่นมาทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า เป็นผลงานหรืองานเขียนของตนเอง |
โดยต้องมีการอ้างอิงผลงานของผู้อื่น หากมีการนำผลงานนั้นมาใช้ในบทความของตนเอง |
3. ผู้นิพนธ์ต้องให้ความสำคัญกับรูปแบบการเขียนบทความตามที่วารสารกำหนดไว้ โดยเฉพาะรูปแบบการเขียนเอกสารอ้างอิง |
4. ผู้นิพนธ์ต้องไม่สร้างข้อมูลเท็จ หรือปลอมแปลง ตกแต่งข้อมูลและนำมาเขียนในบทความ |
5. ผู้นิพนธ์ต้องระบุแหล่งทุนที่สนับสนุนการทำวิจัย (ถ้ามี) และผู้นิพนธ์ต้องระบุผลประโยชน์ทับซ้อน (ถ้ามี) |
6. ผู้นิพนธ์ต้องระบุเฉพาะชื่อผู้ร่วมทำงานในบทความนั้นเท่านั้น รวมถึงในกรณีที่งานวิจัยมีผู้ร่วมทำงานหลายคน ผู้นิพนธ์ |
ต้องใส่ชื่อผู้ร่วมวิจัยทั้งหมด ไม่แอบอ้างเป็นงานวิจัยของตนเองแต่เพียงผู้เดียว |
7. ผู้นิพนธ์ต้องแจ้งบรรณาธิการทันที หากพบความผิดพลาดในงานวิจัยที่ส่งผลต่อบทสรุปงานวิจัยของต้นฉบับที่อยู่ใน |
กระบวนการประเมิน หรือบทความที่ตีพิมพ์ไปแล้ว |