วารสารบัณฑิตศึกษาเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/GSLL
<table width="865"> <tbody> <tr> <td colspan="9" width="865"><strong>วารสารบัณฑิตศึกษาเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต</strong></td> </tr> <tr> <td colspan="9">ISSN: 3027-883X (Online)</td> </tr> <tr> <td colspan="9"> </td> </tr> <tr> <td colspan="9"><strong>กำหนดออก</strong></td> </tr> <tr> <td colspan="9">ตีพิมพ์เผยแพร่ปีละ 3 ฉบับ ราย 4 เดือน ในรูปแบบออนไลน์ดังนี้</td> </tr> <tr> <td colspan="9">ฉบับที่ 1 มกราคม – เมษายน (Volume 1: January – April)</td> </tr> <tr> <td colspan="9">ฉบับที่ 2 พฤษภาคม – สิงหาคม (Volume 2: May – August)</td> </tr> <tr> <td colspan="9">ฉบับที่ 3 กันยายน – ธันวาคม (Volume 3: September – December) </td> </tr> <tr> <td colspan="9"> </td> </tr> <tr> <td colspan="9"><strong>นโยบายและขอบเขตการตีพิมพ์</strong></td> </tr> <tr> <td colspan="9">วารสารบัณฑิตศึกษาเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตมีนโยบายรับตีพิมพ์บทความที่มีคุณภาพในด้านสังคมศาสตร์ ศิลปศาสตร์ </td> </tr> <tr> <td colspan="9">ศึกษาศาสตร์ วิทยาการจัดการ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ นิติศาสตร์ เกษตรศาสตร์และสหกรณ์ วิทยาศาสตร์สุขภาพ </td> </tr> <tr> <td colspan="9">วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์การอาหาร วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม และวิศวกรรมศาสตร์ ฯลฯ </td> </tr> <tr> <td colspan="9">โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ คณาจารย์ นักศึกษา และนักวิจัย ตลอดจนผู้สนใจที่จะศึกษาค้นคว้า หรือเผยแพร่บทความ</td> </tr> <tr> <td colspan="9"> </td> </tr> <tr> <td colspan="9"><strong>ค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์</strong></td> </tr> <tr> <td colspan="9">ไม่เสียค่าใช้จ่าย</td> </tr> </tbody> </table>
สำนักบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
th-TH
วารสารบัณฑิตศึกษาเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต
3027-883X
-
บทบรรณาธิการ
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/GSLL/article/view/2200
ศรชัย สินสุวรรณ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารบัณฑิตศึกษาเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-21
2025-08-21
2 3
2
2
-
ปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออกของประชาชน ตำบลพิปูน อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/GSLL/article/view/1959
<p>การศึกษาวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจแบบภาคตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยนำ ปัจจัยเอื้อ ปัจจัยเสริม พฤติกรรม ในการป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออกของประชาชน ตำบลพิปูน อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช และปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการป้องกัน และควบคุมโรคไข้เลือดออกของประชาชน ตำบล พิปูน อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช กลุ่มตัวอย่างจำนวน 384 คน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และสถิติวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบหลายขั้นตอน</p> <p>ผลการวิจัย พบว่ากลุ่มตัวอย่างมีความรู้ ปัจจัยการรับรู้ ปัจจัยเอื้อ ปัจจัยเสริม และพฤติกรรมป้องกันโรคไข้เลือดออกอยู่ในระดับสูง ส่วนเจคติอยู่ในระดับปานกลาง และพบว่าปัจจัยที่ส่งผลพฤติกรรมป้องกันโรคไข้เลือดออก ได้แก่ การได้รับแรงจูงใจ ปัจจัยด้านการรับรู้ เจตคติ ระยะเวลาที่อาศัยอยู่ในชุมชน และความรู้ส่งผลต่อพฤติกรรมได้ ร้อยละ 46.40 (R<sup>2 </sup>= 0.464) โดยการได้รับแรงจูงใจ ปัจจัยด้านการรับรู้ เจตคติ และระยะเวลาที่อาศัยอยู่ในชุมชน ส่งผลต่อพฤติกรรมไปในทิศทางเชิงบวก ส่วนความรู้ ส่งผลต่อพฤติกกรมไปในทิศทางเชิงลบ</p> <p>ข้อเสนอแนะจากงานวิจัยครั้งนี้ การเสริมสร้างแรงจูงใจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การสร้างเจตคติที่ถูกต้องต่อการป้องกันโรคไข้เลือดออก เป็นส่วนสำคัญในการป้องกันโรคไข้เลือดออก รวมไปถึงการอบรมฟื้นฟูให้ความรู้เรื่องโรคไข้เลือดออก โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อสร้างความตระหนักให้ประชาชนมีการป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออกอย่างต่อเนื่องต่อไป</p>
สุกัญญา กาญจนสิชล
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารบัณฑิตศึกษาเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-21
2025-08-21
2 3
5
21
-
รูปแบบการมีส่วนร่วมของชุมชนในการแก้ไขปัญหาการซื้อยาชุดจากร้านชำ ตำบลเจ๊ะบิลัง อำเภอเมือง จังหวัดสตูล
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/GSLL/article/view/1911
<p>การวิจัยและพัฒนานี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการมีส่วนร่วมของชุมชนในการแก้ปัญหาการซื้อยาชุดจากร้านชำ แบ่งการวิจัยเป็น 3 ระยะ คือ 1) สภาพปัญหาการซื้อยาชุดจากร้านชำ 2) พัฒนารูปแบบการมีส่วนร่วมของชุมชนในการแก้ปัญหาการซื้อยาชุดจากร้านชำ 3) ประเมินประสิทธิผลรูปแบบ กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 21 คน ประชาชนที่ซื้อยาชุดจากร้านชำ 63 คน และผู้ประกอบการร้านชำ 22 คน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และสถิติ paired t-test</p> <p> ผลการวิจัย 1) สภาพปัญหาการซื้อยาชุดจากร้านชำ พบว่า ประชาชนมีความรู้เกี่ยวกับโทษและอันตรายจากยาชุดระดับปานกลาง ร้อยละ 55.60 พฤติกรรมเกี่ยวกับการซื้อยา ระดับน้อย ร้อยละ 52.38 ร้อยละ 58.73 และพบว่า ร้านชำมีการจำหน่ายยาสามัญประจำบ้านร้อยละ 72.27 จำหน่ายยาอันตรายร้อยละ 22.72 จำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่มีทะเบียนและยาหมดอายุหรือยาเสื่อมคุณภาพ 4.50 2) ผลการพัฒนาทำให้ประชาชน มีรูปแบบการมีส่วนร่วมของชุมชนในการแก้ปัญหาการซื้อยาชุดจากร้านชำ มีความเหมาะสม และประชาชนมีส่วนร่วมดำเนินการทุกขั้นตอน มีมาตรการทางสังคมในการแก้ปัญหาการซื้อยาชุดจากร้านชำ ประชาชน ผู้ประกอบการ สามารถเข้าถึงข้อมูลได้หลากหลายช่องทาง และได้รับข่าวสารที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น และ 3) การประเมินประสิทธิผลรูปแบบในประชาชน พบว่า ความรู้ พฤติกรรมและความพึงพอใจต่อรูปแบบการแก้ปัญหาการซื้อยาชุดจากร้านชำ หลังทดลองสูงกว่าก่อนทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (<em>p</em><0.05) และ ร้านชำจำหน่ายยาสามัญประจำบ้าน ก่อนพัฒนา ร้อยละ 72.27 หลังพัฒนา ร้อยละ 95.50 จำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่มีทะเบียนและยาหมดอายุ ก่อนพัฒนา ร้อยละ 4.50 หลังพัฒนาไม่พบจำหน่าย</p> <p>ข้อค้นพบจากการวิจัยควรนำรูปแบบไปประยุกต์ในพื้นที่อื่น ๆ ที่มีปัญหาเช่นเดียวกัน และควรมีการสนับสนุนสื่อความรู้ โดยนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้ ในการส่งเสริมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนมีความรู้และมีพฤติกรมการใช้ยาอย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น</p>
โสพินทร์ แก้วมณี
อุดมสิน ไทยเจริญ
ตระกูล ศรีสวัสดิ์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารบัณฑิตศึกษาเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-21
2025-08-21
2 3
22
42