วารสารบัณฑิตศึกษาเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต https://so15.tci-thaijo.org/index.php/GSLL <table width="865"> <tbody> <tr> <td colspan="9" width="865"><strong>วารสารบัณฑิตศึกษาเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต</strong></td> </tr> <tr> <td colspan="9">ISSN xxxx-xxxx (Online)</td> </tr> <tr> <td colspan="9"> </td> </tr> <tr> <td colspan="9"><strong>กำหนดออก</strong></td> </tr> <tr> <td colspan="9">ตีพิมพ์เผยแพร่ปีละ 3 ฉบับ ราย 4 เดือน ในรูปแบบออนไลน์ดังนี้</td> </tr> <tr> <td colspan="9">ฉบับที่ 1 มกราคม – เมษายน (Volume 1: January – April)</td> </tr> <tr> <td colspan="9">ฉบับที่ 2 พฤษภาคม – สิงหาคม (Volume 2: May – August)</td> </tr> <tr> <td colspan="9">ฉบับที่ 3 กันยายน – ธันวาคม (Volume 3: September – December) </td> </tr> <tr> <td colspan="9"> </td> </tr> <tr> <td colspan="9"><strong>นโยบายและขอบเขตการตีพิมพ์</strong></td> </tr> <tr> <td colspan="9">วารสารบัณฑิตศึกษาเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตมีนโยบายรับตีพิมพ์บทความที่มีคุณภาพในด้านสังคมศาสตร์ ศิลปศาสตร์ </td> </tr> <tr> <td colspan="9">ศึกษาศาสตร์ วิทยาการจัดการ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ นิติศาสตร์ เกษตรศาสตร์และสหกรณ์ วิทยาศาสตร์สุขภาพ </td> </tr> <tr> <td colspan="9">วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์การอาหาร วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม และวิศกรรมศาสตร์ ฯลฯ </td> </tr> <tr> <td colspan="9">โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ คณาจารย์ นักศึกษา และนักวิจัย ตลอดจนผู้สนใจที่จะศึกษาค้นคว้า หรือเผยแพร่บทความ</td> </tr> <tr> <td colspan="9"> </td> </tr> <tr> <td colspan="9"><strong>ค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์</strong></td> </tr> <tr> <td colspan="9">ไม่เสียค่าใช้จ่าย</td> </tr> </tbody> </table> สำนักบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช th-TH วารสารบัณฑิตศึกษาเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต การพัฒนาหลักสูตรภาษาไทยเชิงสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมการสะท้อนคุณค่าอย่างสร้างสรรค์ สำหรับผู้เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย https://so15.tci-thaijo.org/index.php/GSLL/article/view/558 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาหลักสูตรภาษาไทยเชิงสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมการสะท้อนคุณค่าอย่างสร้างสรรค์สำหรับผู้เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย และ 2) ศึกษาประสิทธิผลหลักสูตรภาษาไทยเชิงสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมการสะท้อนคุณค่าอย่างสร้างสรรค์สำหรับผู้เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย </p> <p>การดำเนินการวิจัยเป็นแบบกระบวนการวิจัยและพัฒนา มีระเบียบวิธีการวิจัยแบบผสมผสานวิธี โดยใช้กลุ่มตัวอย่าง คือผู้เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนโกวิทธำรงเชียงใหม่ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 99 คน ได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) หลักสูตรภาษาไทยเชิงสร้างสรรค์ 2) แผนการจัดการเรียนรู้ 3) แบบทดสอบวัดการสะท้อนคุณค่าอย่างสร้างสรรค์ 4) แบบสอบถามความคิดเห็นของผู้เรียนต่อการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรฯ และ 5) การทดสอบค่าที สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน </p> <p>ผลการวิจัยพบว่า หลักสูตรฯ ที่พัฒนาขึ้น มี 5 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) หลักการ 2) จุดมุ่งหมาย 3) โครงสร้างหลักสูตร และกรอบเนื้อหา 4) กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และ 5) การวัดและประเมินผล มีคุณภาพอยู่ในระดับมาก สำหรับประสิทธิผลของหลักสูตรฯ พบว่าหลังการทดลองใช้หลักสูตรฯ ผู้เรียนมีการคิดสะท้อนคุณค่าอย่างสร้างสรรค์สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และมีความคิดเห็นต่อการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรฯ อยู่ในระดับมากที่สุด หลักสูตรฯ นี้ ถือเป็นนวัตกรรมด้านหลักสูตรที่เหมาะสมกับการส่งเสริมผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 อย่างเป็นรูปธรรม</p> อาทิตย์ ซาวคำ ศิริวรรณ วณิชวัฒนวรชัย Copyright (c) 2024 วารสารบัณฑิตศึกษาเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-03-28 2024-03-28 1 1 5 18 การมีส่วนร่วมของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน https://so15.tci-thaijo.org/index.php/GSLL/article/view/606 <p>การวิจัยเชิงพรรณาแบบภาคตัดขวางนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับการมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน 2) ปัจจัยเกื้อหนุนการมีส่วนร่วมของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน 3) เปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของ อสม. ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล และปัจจัยเกื้อหนุน </p> <p>ประชากรที่ศึกษา คือ อสม. ที่อาศัยในอำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ โดยมีกลุ่มตัวอย่างจำนวน 255 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติการทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ย และสถิติ One-way ANOVA ทดสอบรายคู่ด้วยวิธี least significance difference (LSD)</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า การมีส่วนร่วมของ อสม. ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชนในภาพรวมอยู่ในระดับน้อย (M=1.93, S.D.=0.43) เมื่อวิเคราะห์ความแตกต่าง พบว่า ระยะเวลาการเป็น อสม. การได้รับข้อมูลข่าวสาร วัสดุอุปกรณ์การฝึกอบรมเกี่ยวกับยาเสพติด และการมีประสบการณ์ในการทำงานยาเสพติดที่ต่างกันมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ข้อเสนอแนะแนวทางส่งเสริมการมีส่วนร่วมของ อสม. ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน ควรที่จะมีการรณรงค์ให้ อสม. ประชาชนตระหนักถึงโทษของยาเสพติดให้มากขึ้น และสนับสนุนการจัดฝึกอบรมเพื่อรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับยาเสพติดและการป้องกัน</p> ธนภรณ์ ช่วยชู Copyright (c) 2024 วารสารบัณฑิตศึกษาเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-03-28 2024-03-28 1 1 19 36 การศึกษาการสร้างสมญานามนางงามของแฟนนางงามไทยในเฟซบุ๊กแฟนเพจการประกวดนางงาม https://so15.tci-thaijo.org/index.php/GSLL/article/view/603 <p>สมญานามคือชื่อที่ใช้เรียกหรืออ้างถึงบุคคลนั้นๆโดยไม่ใช้ชื่อจริงในการเรียก อาจเป็นการรู้กันเฉพาะกลุ่มนิยมใช้กันอย่างไม่เป็นทางการและอาจคงอยู่เพียงระยะเวลาหนึ่ง แต่สมญานามเหล่านั้นก็เปรียบเสมือนบันทึกทางประวัติศาสตร์อีกรูปแบบหนึ่งที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวหรือเหตุการณ์ต่างๆ ของแต่ละช่วงเวลาในสังคมผ่านการใช้ภาษา งานวิจัยนี้เป็นวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้วิธีวิจัยเอกสาร มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาการสร้างและการใช้สแลงของแฟนนางงามไทยในเฟซบุ๊กแฟนเพจการประกวดนางงาม โดยเก็บข้อมูลสมญานามจำนวน 20 สมญานาม ศึกษาที่มา ความหมาย และการใช้จากการสังเกตการใช้สมญานามของแฟนนางงามไทยในกลุ่มนางงามที่มีผู้เข้าร่วมในกลุ่มมากกว่าห้าหมื่นคนขึ้นไป ระหว่างปี พ.ศ. 2563 - 2566 ตามแนวคิดการสร้างสมญานามตามองค์ประกอบ ผลการวิจัย พบว่าการสร้างสมญานามที่ใช้ในเฟซบุ๊กแฟนเพจการประกวดนางงาม นั้นมาจาก 3 องค์ประกอบ ได้แก่ชื่อนางงาม พฤติกรรม ลักษณะเฉพาะ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการตั้งสมญานามเพื่อให้เรียกได้ง่ายขึ้น และเพื่อให้เข้าใจความหมาย แต่จะสามารถเข้าใจได้เฉพาะกลุ่ม ดังนั้นในการศึกษาจึงต้องศึกษาถึงที่มาต้นกำเนิดของสมญานามนั้นจึงจะทราบความหมายของสมญานามที่พบ</p> ศิตา เยี่ยมขันติถาวร สุวรรณี ยหะกร Copyright (c) 2024 วารสารบัณฑิตศึกษาเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-03-28 2024-03-28 1 1 37 49 ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความเหนื่อยล้าในการทำงานของบุคลากรเครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอละอุ่น จังหวัดระนอง https://so15.tci-thaijo.org/index.php/GSLL/article/view/673 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความเหนื่อยล้าในการทำงานของบุคลากรเครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอละอุ่น จังหวัดระนอง กลุ่มตัวอย่างจำนวน 118 คน สุ่มกลุ่มตัวอย่างโดยการหยิบฉลากอย่างง่าย เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และสถิติอ้างอิง ได้แก่ สถิติไคว์แสควร์ การทดสอบของฟิสเชอร์และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพื่อทดสอบความสัมพันธ์ของตัวแปร</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยลักษณะสภาพแวดล้อมในการทำงานภาพรวมอยู่ในระดับสูง ( = 3.83, SD.= 0.34) ด้านที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับสูง คือ การรับรู้ต่อความสำเร็จในงาน การรับรู้ต่อความสามารถของตนเอง ความสัมพันธภาพในหน่วยงาน และการรับรู้ต่อระบบบริหาร ( = 4.12, 4.09, 4.01 และ 4.00, SD.= 0.60, 0.53, 0.37 และ 0.68) ส่วนลักษณะงานที่รับผิดชอบอยู่ในระดับปานกลาง ( = 2.96, SD.= 0.32) ความเหนื่อยล้าในการทำงานของบุคลากร พบว่า ส่วนใหญ่ไม่มีความเหนื่อยล้าในการทำงาน (ร้อยละ 52.54) ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความเหนื่อยล้าในการทำงานของบุคลากร ได้แก่ เพศ และระยะเวลาปฏิบัติงาน โดยมีความสัมพันธ์ระดับสูง (r=0.66, p= 0.042) ความสัมพันธภาพในหน่วยงาน มีความสัมพันธ์ในระดับต่ำมาก (r=0.20, p= 0.032) การรับรู้ต่อความสำเร็จในงาน และการรับรู้ต่อความสามารถของตนเอง มีความสัมพันธ์ในระดับต่ำ (r=0.27 และ 0.30; p= 0.003 และ 0.001)</p> <p>จากผลการศึกษาจะพบว่าบุคลากรจะไม่มีความเหนื่อยล้ามากกว่าแต่ก็มีสัดส่วนไม่มากนัก ในขณะที่ลักษณะงานที่รับผิดชอบอยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งอาจจะส่งผลให้บุคลากรมีความเหนื่อยล้ามากขึ้น ฉะนั้น4 คณะกรรมการเครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอละอุ่นควรพิจารณางานที่รับผิดชอบให้ตรงกับความเชี่ยวชาญและบูรณาการงานเพื่อลดภาระในการรับผิดชอบ และป้องกันการเกิดความเหนื่อยล้า</p> สุวรรณรัตน์ รัชนิพนธ์ Copyright (c) 2024 วารสารบัณฑิตศึกษาเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-04-18 2024-04-18 1 1 50 64 การพัฒนารูปแบบการจัดการความปวดหลังผ่าตัดในผู้สูงอายุกระดูกสะโพกหัก โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย https://so15.tci-thaijo.org/index.php/GSLL/article/view/679 <p>การวิจัยและพัฒนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการความปวดหลังได้รับการผ่าตัดในผู้สูงอายุกระดูกสะโพกหัก กลุ่มตัวอย่างคือ พยาบาลวิชาชีพจำนวน 7 คน และผู้สูงอายุหลังผ่าตัดกระดูกสะโพกหักจำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ 1) ระยะก่อนพัฒนารูปแบบ เป็นแนวคำถามในการศึกษาสถานการณ์การจัดการความปวดหลังได้รับการผ่าตัดในผู้สูงอายุกระดูกสะโพกหัก 2) ระยะพัฒนารูปแบบ ได้แก่ (1) แบบบันทึกการประเมินความปวดหลังผ่าตัด และ (2) ดนตรีพื้นเมืองอีสานลดปวด และ 3) ระยะประเมินผลลัพธ์ ได้แก่ (1) แบบประเมินความพึงพอใจของพยาบาลวิชาชีพ (2) แบบประเมินความพึงพอใจของผู้สูงอายุในการจัดการความปวด (3) แบบประเมินความพึงพอใจของผู้สูงอายุได้รับฟังดนตรีพื้นเมืองอีสานลดปวด และ (4) แนวคำถามในการประชุมกลุ่มระดมสมอง ดำเนินการวิจัยระหว่างเดือนมกราคม 2567 ถึงเมษายน 2567 วิเคราะห์ข้อมูลคุณภาพโดยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้สถิติพรรณนา</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า สถานการณ์การจัดการความปวดหลังผ่าตัดก่อนการพัฒนารูปแบบ มีประเด็นคือ ยังไม่มีรูปแบบการจัดการความปวดหลังผ่าตัด ไม่มีเครื่องมือในการประเมินความปวด และขาดความต่อเนื่องในการประเมินผลการจัดการความปวด ส่งผลให้การจัดการความปวดโดยพยาบาลยังไม่มีประสิทธิภาพพอ ภายหลังการพัฒนาได้รูปแบบการจัดการความปวดหลังผ่าตัด ประกอบด้วย 1) หลักการของรูปแบบ 2) โครงสร้างของรูปแบบ ประกอบด้วย ทีมงาน สถานที่ และ 3) แนวปฏิบัติการจัดการความปวดหลังผ่าตัด ผลการดูแลตามรูปแบบการจัดการความปวดหลังผ่าตัด พบว่าพยาบาลที่ใช้รูปแบบมีความพึงพอใจในรูปแบบการจัดการความปวดหลังผ่าตัดในระดับมากที่สุด ความพึงพอใจของผู้สูงอายุหลังผ่าตัดที่ได้รับการจัดการความปวดหลังได้รับการผ่าตัด พบว่าผู้สูงอายุส่วนใหญ่มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุดทุกด้าน และผู้สูงอายุหลังได้รับการผ่าตัดกระดูกสะโพกหักที่ได้รับฟังการใช้ดนตรีอีสานลดปวดมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 90</p> เพ็ญศรี ใจปานแก่น Copyright (c) 2024 วารสารบัณฑิตศึกษาเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-05-17 2024-05-17 1 1 56 84 บทบรรณาธิการ https://so15.tci-thaijo.org/index.php/GSLL/article/view/689 ศรชัย สินสุวรรณ Copyright (c) 2024 วารสารบัณฑิตศึกษาเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-03-28 2024-03-28 1 1 2 2