คำแนะนำสำหรับผู้เขียน

คำแนะนำสำหรับผู้เขียน

         บทความที่ส่งมาขอรับการตีพิมพ์ในวารสารบาลีเถรวาทปริทรรศน์ จะต้องไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่น ผู้เขียนบทความจะต้องยินยอมและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ รูปแบบ ขั้นตอนการดำเนินการเกี่ยวกับการเสนอ บทความวิจัย บทความวิชาการ บทวิจารณ์หนังสือ บทความปริทรรศน์ และบทความพิเศษ เพื่อตีพิมพ์ในวารสารบาลีเถรวาทปริทรรศน์ อย่างเคร่งครัด รวมทั้งระบบการอ้างอิงในเนื้อหาและอ้างอิงในท้าย 
          บทความ (References) ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของวารสารในรูปแบบของ APA 7th edition    
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารบาลีเถรวาทปริทรรศน์ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้น และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสารบาลีเถรวาทปริทรรศน์ รวมทั้งผู้เขียนจะต้องคำนึงถึงจริยธรรมการวิจัย ไม่ละเมิดหรือคัดลอกผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง ซึ่งทางวารสารได้กำหนดความซ้ำซ้อนของผลงาน ด้วยโปรแกรม CopyCatch ในระบบเว็บไซต์ของ ThaiJO ไม่เกิน 25% โดยคำแนะนำสำหรับผู้เขียนนี้ได้มีการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม และให้มีผลตั้งแต่ เดือน มกราคม 2564 เป็นตันไปผู้ประสงค์จะตีพิมพ์บทความต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและกระบวนการดังต่อไปนี้

  1. ผู้เขียนจะต้องศึกษารูปแบบและตรวจสอบการเขียนบทความให้ตรงตามรูปแบบของวารสาร
  2. แนบไฟล์บทความ (Microsoft word) พร้อมแจ้งและติดต่อประสานงานไปที่ ผู้ช่วยบรรณาธิการ พระมหาศุภวัฒน์ ฐานวุฑฺโฒ, ดร. โทร. 061- 994 - 5451, อีเมล: s.boonthong2529@gmail.com, ไอดีไลน์: s.b.t.  ทั้งนี้ผู้เขียนต้องระบุต้นสังกัดและเบอร์โทรศัพท์ ที่ติดต่อได้โดยตรง ไว้ในกล่องโต้ตอบ หรือDiscussion Box
  3. บทความต้องผ่านการตรวจรูปแบบจากกองบรรณาธิการ และผู้เขียนต้องปรับแก้ไขให้สมบูรณ์และถูกต้องตามคำแนะนำของกองบรรณาธิการ
  4. เนื้อหาบทความและองค์ประกอบของบทความต้องผ่านการตรวจพิจารณาและอนุมัติจากกองบรรณาธิการ เพื่อส่งให้ผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาประเมินบทความ
  5. บทความต้องผ่านการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนอย่างน้อย 3 ท่าน และการพิจารณาของกองบรรณาธิการถือเป็นที่สิ้นสุดในกรณีที่บทความของท่านไม่ผ่านการประเมินและพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิและกองบรรณาธิการ วารสารขอสงวนสิทธิ์ในการไม่รับตีพิมพ์บทความและไม่คืนเงินโดยประการทั้งปวง
  6. วารสารบาลีเถรวาทปริทรรศน์ เมื่อได้ผ่านการประเมินคุณภาพจากศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (TCI) โดยได้รับการจัดให้อยู่ในวารสารกลุ่มใดๆ ก็ตามผู้เขียนยินยอมที่จะรับผลการประเมินนั้นโดยไม่มีข้อโต้แย้ง
  7. เนื้อหาบทความที่แก้ไขตามผู้ประเมินต้องไฮไลท์ตัวอักษรสีแดง เพื่อให้กองบรรณาธิการได้เช็คตรวจสอบว่าท่านได้แก้ไขจริงและหากท่านไม่ไฮไลท์ตัวอักษรสีแดง ทางวารสารจะถือว่าท่านไม่ได้แก้ไขบทความตามผู้ประเมินและส่งไฟล์ (Microsoft word) บทความที่แก้ไขสมบูรณ์แล้วแนบเข้ามาในระบบ โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน หลังจากวารสารได้ส่งผลประเมินให้ผู้เขียนทราบ 
  8. แม้บทความที่ผ่านการอนุมัติแล้ว ภายหลังพบว่า หากไม่สามารถติดต่อผู้เขียนบทความได้ และผู้เขียนไม่ยอมแก้ไขบทความให้สมบูรณ์หรือแก้ไขบทความล่าช้าไม่ตรงตามระยะเวลาที่กำหนดทางวารสารขอสงวนสิทธิ์ที่จะปฏิเสธไม่รับตีพิมพ์บทความและขอยกเลิกใบตอบรับตีพิมพ์บทความ โดยวารสารจะแจ้งผ่านทางอีเมล์จากระบบที่ผู้เขียนได้ลงทะเบียนไว้แล้วเท่านั้น
  9. การจัดเลื่อนลำดับเพื่อเผยแพร่บทความในแต่ละฉบับ เป็นอำนาจและสิทธิ์ในการตัดสินใจของกองบรรณาธิการ โดยไม่ต้องขออนุญาตจากเจ้าของบทความ ถ้าหากพบว่าบทความและกระบวนการการส่งบทความในระบบไม่สมบูรณ์
  10. ความก้าวหน้าเกี่ยวกับบทความ เป็นความรับผิดชอบของเจ้าของบทความที่ต้องติดตามสอบถามอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้กองบรรณาธิการ จะแจ้งให้ทราบในระบบของวารสาร

การส่งบทความเข้าระบบ ThaiJO เพื่อได้รับการตีพิมพ์

         การส่งในระบบ (Online Submission) สามารถส่งเข้าระบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของวารสารบาลีเถรวาทปริทรรศน์ เมื่อส่งเข้าระบบสำเร็จให้แจ้งข้อมูลให้กองบรรณาธิการทราบที่ พระมหาศุภวัฒน์ ฐานวุฑฺโฒ, ดร. โทร. 061 – 994 5451, อีเมล: s.boonthong2529@gmail.com, ไอดีไลน์: s.b.t. 

การจัดเตรียมต้นฉบับบทความ

  1. ต้นฉบับบทความต้องเป็นไฟล์เวิร์ด (Microsoft word) เท่านั้น
  2. กระดาษ A4 มีความยาวระหว่าง 10-15 หน้า (รวมหน้า References) พิมพ์บนกระดาษหน้าเดียว 1 คอลัมน์ ใช้ตัวอักษรแบบ THSarabunPSK (ขนาดอักษร 16 pt.)
  3. ตั้งค่าหน้ากระดาษโดยเว้นขอบกระดาษ ขอบบน - ล่าง ขอบขวา - ซ้าย เท่ากันทุกด้าน ด้านละ 1 นิ้ว กำหนดระยะห่างระหว่างบรรทัดเท่ากับ 1 และย่อหน้า 7 เคาะ
  4. การนำเสนอรูปภาพและตาราง ต้องนำเสนอรูปภาพและตารางที่มีความคมชัดพร้อมระบุหมายเลขและชื่อกำกับใต้รูปภาพไว้ด้านล่าง พิมพ์เป็นตัวหนา เช่นตารางที่1 หรือ Table 1 และ รูปภาพที่ 1 หรือ Figure 1 โมเดลที่ 1 หรือ Model 1 รูปภาพที่นำเสนอต้องมีคำอธิบายรายละเอียดของข้อมูลครบถ้วนและเข้าใจได้โดยไม่จำเป็นต้องกลับไปอ่านที่เนื้อความอีก ระบุลำดับของรูปภาพทุกรูปให้สอดคล้องกับเนื้อหาที่อยู่ในต้นฉบับ โดยคำอธิบายต้องกระชับและสอดคล้องกับรูปภาพที่นำเสนอ
  5. ชื่อเรื่องต้องมีภาษาไทย (20 pt.) และภาษาอังกฤษ (18 pt.) ตรงกลางหน้ากระดาษ
  6. ชื่อผู้เขียน ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (16 pt.) ไม่ต้องระบุตำแหน่งทางวิชาการ คำนำหน้า นาย/นาง/นางสาว/คุณ/ยศตำแหน่ง (ยกเว้นกรณีเป็นพระภิกษุ) พิมพ์ด้วยตัวอักษรปกติอยู่ใต้ชื่อเรื่องโดยชิดขอบขวา และใช้ตัวเลขยกกำกับหน้าชื่อผู้เขียนแสดงชื่อหน่วยงาน กรณีมีผู้ร่วมเขียน 2 คนขึ้นไป สังกัดสถาบันเดียวกัน ให้แสดงเพียง 1 หมายเลขเท่านั้น แต่หากผู้ร่วมเขียนมาจากหลายสถาบัน ให้ระบุหมายเลขยกกำกับหน้าชื่อ 1 2 3 ตามลำดับ
  7. มีบทคัดย่อภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ไม่เกิน 500 คำต่อบทคัดย่อ
  8. กำหนดคำสำคัญ (Keywords) จากชื่อบทความ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (3 - 5 คำ)
  9. การเรียงหัวข้อ หัวข้อใหญ่สุด (18 pt. ตัวหนา) ให้พิมพ์ชิดขอบด้านซ้าย หัวข้อย่อย (16 pt. ตัวหนา) เว้นห่างจากหัวข้อใหญ่ 7 เคาะ พิมพ์ตัวอักษรที่ 8 ต้องพิมพ์ให้ตรงกัน  
  10. การใช้ตัวเลขตลอดทั้งบทความ ต้องใช้ตัวเลขอารบิกทั้งหมด ไม่ใช้ตัวเลขไทย
  11. การอ้างอิงแหล่งข้อมูลในเนื้อหา จะต้องแปลเป็นนามสกุลภาษาอังกฤษทุกรายการ พร้อมระบุเป็น ค.ศ. สำหรับในบรรณานุกรมท้ายบทความ (References) ต้องแปลเป็นนามสกุล, ชื่อย่อ, ค.ศ. เป็นภาษาอังกฤษ (เฉพาะบทความวิจัยควรมีการอ้างอิง 8 อ้างอิงขึ้นไป)
  12. สามารถส่งบทความผ่านระบบออนไลน์ได้ https://so15.tci-thaijo.org/index.php/PTRJ

รูปแบบบทความวิจัย

  1. บทความวิจัย มีองค์ประกอบหัวข้อ ดังนี้
    1) ชื่อเรื่องภาษาไทย (20 pt.) ภาษาอังกฤษ (18 pt.)
    2) ชื่อผู้เขียนและผู้ร่วมเขียนบทความ (ภาษาไทย 16 pt.)
        - ผู้เขียนระบุเลขยกหน้าชื่อผู้เขียนแต่ละท่าน
        - กรณีคณะและสถาบันเดียวกันให้ใช้เลขยก 1 เพียงเลขเดียว
        - ผู้เขียนรวมทั้งผู้ร่วมเขียนไม่เกิน 4 ท่าน (ถ้ามากกว่านี้ ต้องแสดงหลักฐานว่าเป็นผู้วิจัย หรือผู้ร่วมวิจัย, ทั้งนี้ให้ใส่ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์)
    3) ชื่อผู้เขียนและผู้ร่วมเขียน (ภาษาอังกฤษ 16 pt.)
    4) คณะ, สถาบัน (ภาษาไทย 14 pt.) ไม่ต้องหนา (คณะหรือสถาบันที่ต่างกันระบุเลขยกตามลำดับ)
    5) Faculty, Institute, Thailand. (อังกฤษ 14 pt.) ไม่ต้องหนา
    6) Corresponding Author’s Email (อีเมลผู้ติดต่อประสานบทความ 14 pt.)
    7) บทคัดย่อ (หัวเรื่อง 18 pt., เนื้อความ 16 pt., ไม่เกิน 500 คำ, ระบุวัตถุประสงค์วิจัย ประเภทของงานวิจัย กลุ่มประชากร พื้นที่ การวิเคราะห์ข้อมูล (สถิติ, เชิงพรรณนา) และผลการวิจัยตามลำดับของวัตถุประสงค์)
    8) คำสำคัญ (16 pt.) (3 – 5 คำ ตามชื่อของบทความ คั่นด้วยเครื่องหมาย Semicolon ;)
    9) Abstract (18 pt., เนื้อความ 16 pt.) (แปลรักษารูปคำและประโยคให้ตรงกับภาษาไทย ไม่แปลสรุปย่อ ไม่แปลจับประเด็น ไม่แปบขยายความ ใส่ตัวเลขข้อย่อหน้า วรรคตอน ลำดับหัวข้อหลัก หัวข้อรอง ให้ตรงกับภาษาไทย)
    10) keywords (16 pt.)
    11) บทนำ (18 pt., เนื้อความ 16 pt.) แบ่งเป็นสี่ย่อหน้า ดังนี้
           - ความเป็นมา บริบท สภาพปัญหาของประเด็น (อ้างอิง)
           - กรณีที่ศึกษา/กรณีพื้นที่ (อ้างอิง)
           - หลักการ แนวคิด ทฤษฎี เชิงวิชาการ แนวทางปฏิบัติ มาตรฐานการแก้ไขปัญหาหรือการส่งเสริมพัฒนา (อ้างอิง)
           - แรงจูงใจที่อยากจะศึกษา (ต้องสะท้อนเชื่อมโยงกับประเด็นที่กล่าวมาข้างต้น และระบุเกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์) เหตุผลความคาดหวัง คุณค่า ประโยชน์ ที่หวังได้จากการศึกษา
    12) วัตถุประสงค์ของการวิจัย (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
           1. เพื่อ................................................................................................
           2. เพื่อ...............................................................................................
           3. เพื่อ................................................................................................
    13) วิธีดำเนินการวิจัย (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
           1. ประเภทของงานวิจัย การศึกษาด้านเนื้อเอกสารแนวคิดทฤษฎี (Documentary Study)การศึกษาในภาคสนาม (Field Study)
           2. ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ (Key Informants)
           3. เครื่องมือและวิธีการที่ใช้ในการศึกษา
               1) การสัมภาษณ์ (In–depth Interviews)
               2) การจัดประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group Discussion)
               3) ศึกษาและติดตามผลการปฏิบัติ/ทดลอง/ฝึกอบรม
           4. การรวบรวมข้อมูล
           5. การวิเคราะห์ข้อมูล
           6. สรุปผลการศึกษาวิจัย และ การนำเสนอผลการศึกษาวิจัย (Presentation of the Research Results)
    14) ผลการวิจัย (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
          1. วัตถุประสงค์ที่ 1 ผลการวิจัยพบว่า.....................................................
          2. วัตถุประสงค์ที่ 2 ผลการวิจัยพบว่า.....................................................
          3. วัตถุประสงค์ที่ 3 ผลการวิจัยพบว่า.....................................................
    15) องค์ความรู้ใหม่ (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
          องค์ความรู้ใหม่ (องค์ความรู้จากผู้วิจัย) คือ การสังเคราะห์ชุดองค์ความรู้ออกมาในรูปแบบของแผนภูมิ แผนภาพ ผังมโนทัศน์ หรือโมเดล พร้อมทั้งการอธิบายเชิงกระบวนการ วิธีการขั้นตอน คุณค่าประโยชน์ รูปแบบแนวทางการนำไปใช้ประโยชน์ ที่ก่อให้เกิดแนวทางขั้นตอนการปฏิบัติ เพื่อให้เกิดการส่งเสริม/การพัฒนา/การเปลี่ยนแปลงของบุคคล สังคม และองค์กร (อธิบายให้กระชับรัดกุม เข้าใจได้ง่าย)
    16) อภิปรายผลการวิจัย (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
           เสนอเป็นความเรียง ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยง ความสอดคล้อง ความเหมือน ความแตกต่างกับกรอบแนวคิดทฤษฎี งานวิจัยอื่นๆในอดีตที่ผ่านมาอย่างไร
    ผลจากการวิจัยวัตถุประสงค์ข้อที่ 1 พบว่า........................... ทั้งนี้เป็นเพราะ........................ สอดคล้องกับแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยของ...................................................................................... (อ้างอิง)
    ผลจากการวิจัยวัตถุประสงค์ข้อที่ 2 พบว่า........................... ทั้งนี้เป็นเพราะ........................ สอดคล้องกับแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยของ..................................................................................... (อ้างอิง)
    ผลจากการวิจัยวัตถุประสงค์ข้อที่ 3 พบว่า........................... ทั้งนี้เป็นเพราะ........................ สอดคล้องกับแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยของ..................................................................................... (อ้างอิง)
    17) สรุป (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
           สรุปภาพรวมครอบคลุมผลการวิจัย เป็นความเรียงไม่ใส่เลขเป็นข้อมาตรา ไม่เอียง ไม่หนา ไม่แทรกภาพโมเดล (ไม่ต้องแทรกอ้างอิง)
    18) ข้อเสนอแนะ (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
           จากผลการวิจัย ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้
           1. ข้อเสนอแนะจากการวิจัย(เพื่อการนำไปใช้ประโยชน์ ใคร หน่วยงานใด อย่างไร)
                ผลจากการวิจัยวัตถุประสงค์ที่ 1 พบว่า ............................................................ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรนำไปใช้ดำเนินการ ดังนี้.............................................................................
                ผลจากการวิจัยวัตถุประสงค์ที่ 2 พบว่า ..............................................................ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรนำไปใช้ดำเนินการ ดังนี้..............................................................................
                ผลจากการวิจัยวัตถุประสงค์ที่ 3 พบว่า ..............................................................ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรนำไปใช้ดำเนินการ ดังนี้..............................................................................
           2. ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป(ต้องเกี่ยวเนื่องต่อยอดจากบทความนี้)
                สำหรับประเด็นในการวิจัยครั้งต่อไปควรทำวิจัยในประเด็นเกี่ยวกับ
                2.1. ............................................................................................................................
                2.2. ............................................................................................................................
                2.3. ............................................................................................................................
    19) บรรณานุกรม (18 pt., เนื้อความ 16 pt.) ดูตัวอย่าง   
           เฉพาะบทความวิจัยควรมีการอ้างอิง 8 อ้างอิงขึ้นไป แหล่งข้อมูลอ้างอิง ที่ปรากฏในเนื้อหาบทความทั้งหมด จะต้องนำมาเขียนเป็นรายการอ้างอิงใน References ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ทุก ๆ อ้างอิง ตามรูปแบบอ้างอิงของวารสาร และเรียงลำดับตามตัวอักษร A-Z (ห้ามอ้างอิง References ที่ไม่ปรากฏการอ้างอิงในเนื้อหาบทความ
  1. บทความวิชาการมีองค์ประกอบหัวข้อ ดังนี้
    1) ชื่อเรื่องภาษาไทย (20 pt.) ภาษาอังกฤษ (18 pt.)
    2) ชื่อผู้เขียนและผู้ร่วมเขียนบทความ (ภาษาไทย 16 pt.)
         - ผู้เขียนระบุเลขยกหน้าชื่อผู้เขียนแต่ละท่าน
         - กรณีคณะและสถาบันเดียวกันให้ใช้เลขยก 1 เพียงเลขเดียว
         - ผู้เขียนรวมทั้งผู้ร่วมเขียนไม่เกิน 3 ท่าน
    3) ชื่อผู้เขียนและผู้ร่วมเขียน (ภาษาอังกฤษ 16 pt.)
    4) คณะ, สถาบัน (ภาษาไทย 14 pt.) ไม่ต้องหนา (คณะหรือสถาบันที่ต่างกันระบุเลขยกตามลำดับ)
    5) Faculty, Institute, Thailand. (อังกฤษ 14 pt.) ไม่ต้องหนา
    6) Corresponding Author’s Email (อีเมลผู้ติดต่อประสานบทความ 14 pt.)
    7) บทคัดย่อ (หัวเรื่อง 18 pt., เนื้อความ 16 pt., ไม่เกิน 500 คำ) (นำเสนอประเด็นปัญหา หลักการ แนวคิด ทฤษฎี แนวทาง วิถีปฏิบัติในเชิงวิชาการ ข้อค้นพบ มุมมอง ทัศนะ ที่สะท้อนทางออก ทางเลือก องค์ความรู้ใหม่ โดยเขียนให้กระชับ จัดลำดับหมวดหมู่ แยกข้อ แยกประเด็น ให้เห็นชัดเจน)
    8) คำสำคัญ (16 pt.) (3 – 5 คำ ตามชื่อของบทความ คั่นด้วยเครื่องหมาย Semicolon ;)
    9) Abstract (18 pt., เนื้อความ 16 pt.) (แปลรักษารูปคำและรูปประโยคให้ตรงกับภาษาไทย ไม่แปลสรุปย่อ ไม่แปลจับประเด็น ไม่แปรขยายความ) (ใส่ตัวเลขข้อ ย่อหน้า วรรคตอน ลำดับหัวข้อหลัก, หัวข้อรอง ให้ตรงกับภาษาไทย)
    10) keywords (16 pt.)
    11) บทนำ (18 pt., เนื้อความ 16 pt.) สามหรือสี่ย่อหน้า ดังนี้
          - ความเป็นมา บริบท สภาพปัญหาของประเด็นที่ศึกษา/กรณีที่ศึกษา/กรณีพื้นที่(อ้างอิง)
          - หลักการ แนวคิด ทฤษฎี เชิงวิชาการ แนวทางปฏิบัติ มาตรฐานการแก้ไขปัญหาหรือการส่งเสริมพัฒนา (อ้างอิง)
          - แรงจูงใจที่อยากจะศึกษา เหตุผลความคาดหวัง คุณค่า ประโยชน์ ที่หวังได้จากการศึกษา
    12) เนื้อเรื่อง (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
          - บริบทความเป็นมา ประเด็นปัญหา แสดงสาระสำคัญภายใต้กรอบแนวคิดในเชิงวิชาการ นำเสนอตามลำดับแยกประเภทหมวดหมู่ ความสำคัญมาก ความสำคัญน้อย ประเด็นหลัก ประเด็นรอง โดยใส่ลำดับเลขข้อ ย่อหน้า วรรคตอน ให้เข้าใจได้ง่ายและชัดเจน (อ้างอิง)
         - นำเสนอหลักการ แนวคิด ทฤษฎี แนวทางปฏิบัติ ที่สะท้อนมุมมอง องค์ความรู้ใหม่ อย่างเป็นเป็นหมวดหมู่ เป็นระบบ เป็นขั้นตอน เพื่อเป็นทางเลือกหรือทางออกสำหรับการแก้ไขปัญหาหรือการส่งเสริมพัฒนา โดยสอดคล้องกับหลักวิชาการ (อ้างอิง)
    13) สรุป (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
    สรุปภาพรวมครอบคลุมผลการศึกษาที่นำเสนอ เป็นความเรียงไม่ใส่เลขเป็นข้อมาตรา ไม่เอียง ไม่หนา ไม่แทรกภาพโมเดล สะท้อนคุณค่าทางวิชาการ (ไม่ต้องแทรกอ้างอิง)
    14) References (18 pt., เนื้อความ 16 pt.) ดูตัวอย่างอ้างอิง
    แหล่งข้อมูลอ้างอิง ที่ปรากฏในเนื้อหาบทความทั้งหมด จะต้องนำมาเขียนเป็นรายการอ้างอิงใน References ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ทุก ๆ อ้างอิง ตามรูปแบบอ้างอิงของวารสาร และเรียงลำดับตามตัวอักษร ก-ฮ, A-Z (ห้ามอ้างอิง References ที่ไม่ปรากฏการอ้างอิงในเนื้อหาบทความ) (ห้ามอ้างอิง References ที่ไม่ปรากฏในเนื้อหาบทความ)
  1. บทความปริทรรศน์ และบทวิจารณ์หนังสือ
    1) ชื่อเรื่องภาษาไทย (20 pt.) ภาษาอังกฤษ (18 pt.)
    2) ชื่อผู้เขียน (ภาษาไทย 16 pt.)
    3) ชื่อผู้เขียน (ภาษาอังกฤษ 16 pt.)
    4) คณะ, สถาบัน (ภาษาไทย 14 pt.) ไม่ต้องหนา
    5) Faculty, Institute, Thailand. (อังกฤษ 14 pt.) ไม่ต้องหนา
    6) Corresponding. Author’s Email (อีเมลผู้ติดต่อประสานบทความ 14 pt.)
        ข้อมูลส่วนประกอบของหนังสือที่วิจารณ์ ดังนี้ (ฟอนต์ 16 pt. ไม่หนา)
        (1) ภาพปกหนังสือ
        (2) แปลจากหนังสือ: ………………………………………………
        (3) ผู้เขียน: …………………………………………………….........
        (4) ผู้แปล: ……………………………………………………..........
        (5) สํานักพิมพ์: ………………………………………………........
        (6) ปีที่พิมพ์: ………………………………………………….........
        (7) จํานวนหน้า: ……………………………………………..........
    7) บทนำ (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
        - บริบท ความเป็นมา ของหนังสือหรือประเด็นที่ศึกษา
        - องค์ประกอบของหนังสือหรือประเด็นที่ศึกษา บท หมวดหมู่ ลักษณะ ชนิด ประเภท วัตถุประสงค์ คุณค่า ประโยชน์ สาระสำคัญ ฯลฯ
    8) เนื้อหา (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
        รายละเอียดเนื้อหา องค์ประกอบของหนังสือหรือประเด็นที่ศึกษา บท หมวดหมู่ ลักษณะ ชนิด ประเภท วัตถุประสงค์ สาระ ประเด็น แง่คิด มุมมอง
    9) บทวิจารณ์ (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
         - นำเสนอหลักการ แนวคิด ผ่านการวิเคราะห์ สังเคราะห์ วิจารณ์ ที่สะท้อนมุมมองเหตุผลความคาดหวัง ผลกระทบ สาระสำคัญ ตามหลักทฤษฎีเชิงวิชาการ พร้อมเสนอแนะแนวทางเพื่อการแก้ไข การส่งเสริมและพัฒนาต่อยอด (อ้างอิงถ้ามี)
         - จุดเด่น, จุดด้อย                 
    10) สรุป (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
          สรุปภาพรวมครอบคลุมผลการศึกษาที่นำเสนอ สะท้อนคุณค่า การนำไปใช้ประโยชน์ เป็นความเรียงไม่ใส่เลขเป็นข้อมาตรา ไม่เอียง ไม่หนา ไม่แทรกภาพโมเดล สะท้อนคุณค่าทางวิชาการ                                   
    11) เอกสารอ้างอิง (18 pt., เนื้อความ 16 pt.)
          แหล่งข้อมูลอ้างอิง ที่ปรากฏในเนื้อหาบทความทั้งหมด จะต้องนำมาเขียนเป็นรายการอ้างอิงใน References ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ทุกๆ อ้างอิง ตามรูปแบบอ้างอิงของวารสาร และเรียงลำดับตามตัวอักษร ก-ฮ, A-Z (ห้ามอ้างอิง References ที่ไม่ปรากฏการอ้างอิงในเนื้อหาบทความ) (ห้ามอ้างอิง References ที่ไม่ปรากฏในเนื้อหาบทความ)

สิทธิของบรรณาธิการ  
        ในกรณีที่กองบรรณาธิการหรือผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งได้รับเชิญให้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิผู้ตรวจประเมินบทความมีความเห็นว่าควรแก้ไข กองบรรณาธิการจะส่งคืนเพื่อให้เจ้าของบทความแก้ไข โดยจะยึดถือข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิผู้ตรวจประเมินเป็นเกณฑ์หลัก และขอสงวนสิทธิ์ที่จะพิจารณาไม่ตีพิมพ์บทความ ในกรณีที่ผลการประเมินบทความไม่ผ่านจากผู้ทรงคุณวุฒิ และในกรณีที่บทความวิจัย บทความทางวิชาการหรือบทความวิจัยไม่แก้ไขให้เป็นไปตามคำแนะนำของกองบรรณาธิการและผู้เชี่ยวชาญ ทั้งนี้ ปีที่ 4 ฉบับที่ 1 (มกราคม-มิถุนายน 2569) เป็นต้นไป วารสารบาลีเถรวาทปริทรรศน์ จะยกเลิกการตีพิมพ์รูปเล่มวารสาร และจะเผยแพร่วารสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น
         ทั้งนี้ หากมีการตรวจพบหรือมีการร้องเรียนว่า บทความมีความซ้ำซ้อน (CopyCatch) เกิน 25 % หรือซ้ำซ้อนในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ หรือได้เคยตีพิมพ์เผยแพร่บทความมาก่อนแล้ว ทางวารสารขอสงวนสิทธิ์ที่จะใช้ดุลยพินิจ ปฏิเสธและระงับการเผยแพร่บทความนั้น ทั้งนี้ตั้งแต่ ปีที่ 4 ฉบับที่ 1 (มกราคม-มิถุนายน 2569) เป็นต้นไป

ตัวอย่างการอ้างอิงเบื้องต้น APA 7th edition

การกำหนดรูปแบบผู้แต่งในรายการอ้างอิง

รูปแบบการลงชื่อผู้แต่งในรายการอ้างอิงจะแตกต่างจากการอ้างอิงในเนื้อหา และมีหลักเกณฑ์เฉพาะตามจำนวนผู้แต่ง

  • ผู้แต่ง 1 คน:
    • ภาษาอังกฤษ: Ahmed, S. (2012). (นามสกุล, อักษรย่อชื่อต้น.)
    • ภาษาไทย: สุจิตต์ วงษ์เทศ. (2560). (ชื่อ นามสกุล.)
  • ผู้แต่ง 2-20 คน: APA 7th Edition กำหนดให้ใส่ชื่อผู้แต่งทุกคนสูงสุด 20 คน โดยคั่นแต่ละชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค (,) และใช้เครื่องหมาย & (สำหรับภาษาอังกฤษ) หรือคำว่า และ (สำหรับภาษาไทย) นำหน้าชื่อผู้แต่งคนสุดท้าย
    • ตัวอย่าง: Soto, C. J., & John, O. P. (2017).
  • ผู้แต่งมากกว่า 20 คน: ให้ลงรายการชื่อผู้แต่ง 19 คนแรก ตามด้วยเครื่องหมายจุดไข่ปลา (...) แล้วจึงตามด้วยชื่อผู้แต่งคนสุดท้าย โดยไม่ต้องใส่เครื่องหมาย & หรือ และ
    • ตัวอย่าง: Pegion, K., Kirtman, B. P., Becker, E., Collins, D. C., LaJoie, E., Burgman, R., Bell, R., DelSole, R., Min, D., Zhu, Y., Li, W., Sinsky, E., Guan, H., Gottschalck, J., Metzger, E. J., Barton, N. P., Achuthavarier, D., Marshak, J., Koster, R., . . . Kim, H. (2019).
  • ผู้แต่งกลุ่ม/นิติบุคคล: ให้ใช้ชื่อเต็มขององค์กรหรือหน่วยงานนั้นๆ เป็นผู้แต่ง
    • ตัวอย่าง: Merriam-Webster. (2008).
  • ไม่ปรากฏผู้แต่ง: ให้ย้ายชื่อเรื่องของผลงานมาไว้ในตำแหน่งของผู้แต่ง และเรียงลำดับตามตัวอักษรตัวแรกของชื่อเรื่อง
    • ตัวอย่าง: *Merriam-Webster's collegiate dictionary* (11th ed.). (2003).

การลงรายการอ้างอิงตามประเภทของแหล่งข้อมูล

  1. หนังสือและบทในหนังสือ (Books and Book Chapters)

หนังสือทั่วไป

โครงสร้าง: ผู้แต่ง. (ปีที่พิมพ์). *ชื่อหนังสือ* (ครั้งที่พิมพ์). สำนักพิมพ์.

  • ตัวอย่าง (ภาษาไทย): นิธิ เอียวศรีวงศ์. (2563). ชาติไทย, เมืองไทย, แบบเรียนและอนุสาวรีย์: ว่าด้วยวัฒนธรรม, รัฐ และรูปการจิตสำนึก (พิมพ์ครั้งที่ 4). มติชน.
  • ตัวอย่าง (ภาษาอังกฤษ): Barnard, F. L., Foltz, J., Yeager, E. A., & Brewer, B. (2021). Agribusiness management (6th ed.). Routledge.

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book)

หากหนังสืออิเล็กทรอนิกส์มี DOI (Digital Object Identifier) ให้ระบุเสมอในรูปแบบ Hyperlink หากไม่มี ให้ระบุ URL ที่สามารถเข้าถึงหนังสือเล่มนั้นได้

  • โครงสร้าง (มี DOI): ผู้แต่ง. (ปีที่พิมพ์). *ชื่อหนังสือ*. https://doi.org/xxxx
  • ตัวอย่าง: Chu, Z. (2022). People-Oriented Education Transformation. https://doi.org/10.1007/978-981-16-6353-6

บทในหนังสือมีบรรณาธิการ

โครงสร้าง: ผู้แต่งบท. (ปีที่พิมพ์). ชื่อบท. ใน ชื่อบรรณาธิการ (บ.ก. หรือ Eds.), *ชื่อหนังสือ* (น. เลขหน้า-เลขหน้า). สำนักพิมพ์.

  • ตัวอย่าง: Belsey, C. (2006). Poststructuralism. In S. Malpas & P. Wake (Eds.), The Routledge companion to critical theory (pp. 51–61). Routledge.

หนังสือแปล

โครงสร้าง: ผู้แต่งต้นฉบับ. (ปีที่พิมพ์ฉบับแปล). *ชื่อหนังสือต้นฉบับ* [*ชื่อหนังสือฉบับแปล*] (ชื่อผู้แปล, ผู้แปล). สำนักพิมพ์.

  • ตัวอย่าง: แมคคาร์ธี, เจมส์. (2562). Surveying and exploring in Siam [บันทึกการเดินทาง สำรวจ ประเทศสยาม] (พรพรรณ ทองตัน, ผู้แปล). กรมศิลปากร.
  1. บทความในวารสารและสิ่งพิมพ์ต่อเนื่อง (Articles in Periodicals)

บทความวารสาร (Journal Article)

โครงสร้างพื้นฐาน: ผู้แต่ง. (ปีที่พิมพ์). ชื่อบทความ. *ชื่อวารสาร, ปีที่*(ฉบับที่), เลขหน้า-เลขหน้า.

  • ข้อสังเกต: ชื่อบทความจะเป็นตัวอักษรปกติ (Sentence case คือการขึ้นต้นประโยคด้วยตัวพิมพ์ใหญ่เฉพาะคำแรกและชื่อเฉพาะ) ในขณะที่ ชื่อวารสาร และ ปีที่ (Volume) จะเป็นตัวเอียง

บทความที่มี DOI

รูปแบบ DOI ที่ถูกต้องคือลิงก์ที่สมบูรณ์ (https://doi.org/xxxx) และต้องระบุเสมอหากมี

  • ตัวอย่าง: Mounier-Kuhn, P. (2012). Computer science in French universities: Early entrants and latecomers. Information & Culture: A Journal of History, 47(4), 414–456. https://doi.org/10.7560/IC47402

บทความที่ไม่มี DOI (จากฐานข้อมูลหรือฉบับพิมพ์)

หากเข้าถึงบทความผ่านฐานข้อมูลวิชาการหรือฉบับพิมพ์ และบทความนั้นไม่มี DOI ให้ลงรายการโดยไม่ต้องใส่ DOI หรือ URL หลักการนี้ครอบคลุมทั้งบทความฉบับพิมพ์และบทความที่เข้าถึงผ่านฐานข้อมูลวิชาการ ซึ่งไม่จำเป็นต้องระบุ URL หรือชื่อฐานข้อมูล

  • ตัวอย่าง: Scruton, R. (1996). The eclipse of listening. The New Criterion, 15(3), 5–13.

บทความหนังสือพิมพ์ (ออนไลน์)

  • ตัวอย่าง: จักรพงษ์ บรูมินเหนทร์. (2023, 9 มิถุนายน). 6 โรคติดเชื้อที่ต้องระวังในช่วงฤดูฝน ตอน 2. ไทยรัฐ. https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2699632
  1. วิทยานิพนธ์และรายงานการวิจัย (Theses, Dissertations, and Reports)

วิทยานิพนธ์ที่ไม่ได้ตีพิมพ์

  • โครงสร้าง: ผู้แต่ง. (ปีที่พิมพ์). *ชื่อวิทยานิพนธ์* [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต/ดุษฎีนิพนธ์ ไม่ได้ตีพิมพ์]. ชื่อมหาวิทยาลัย.
  • ตัวอย่าง: สุนิษา พุ่มมาลา. (2564). แนวทางการจัดการทรัพยากรเกษตรตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ของเกษตรกร อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์]. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.

วิทยานิพนธ์จากฐานข้อมูล/เว็บไซต์

  • โครงสร้าง: ผู้แต่ง. (ปีที่พิมพ์). *ชื่อวิทยานิพนธ์* [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต/ดุษฎีนิพนธ์, ชื่อมหาวิทยาลัย]. ชื่อฐานข้อมูลหรือคลังข้อมูล. URL
  • ตัวอย่าง: กฤษณา ทรัพย์สมบูรณ์. (2560). การศึกษาการปฏิบัติบทบาทผู้นำการพยาบาลทางคลินิกของพยาบาลวิชาชีพ หอผู้ป่วยวิกฤต โรงพยาบาลศูนย์ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข [วิทยานิพนธ์ปริญญาโท, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]. Chulalongkorn University Intellectual Repository (CUIR). http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/58250

รายงานองค์กร (Corporate Report)

  • ตัวอย่าง: National Cancer Institute. (2019). Taking time: Support for people with cancer (NIH Publication No. 18-2059). U.S. Department of Health and Human Services, National Institutes of Health. https://www.cancer.gov/publications/patient-education/takingtime.pdf
  1. แหล่งข้อมูลออนไลน์และสื่อดิจิทัล (Online Sources and Digital Media)

เว็บเพจ

โครงสร้าง: ผู้แต่ง. (ปี, วัน เดือนที่เผยแพร่). *ชื่อบทความ*. ชื่อเว็บไซต์. URL

  • ตัวอย่าง: Bologna, C. (2019, October 31). Why some people with anxiety love watching horror movies. HuffPost. https://www.huffpost.com/entry/anxiety-love-watching-horror-movies_l_5d277587e4b02a5a5d57b59e

สื่อสังคมออนไลน์ (Facebook)

  • ตัวอย่าง: ห้องสมุด มสธ. (2566, 2 มีนาคม). เรื่องเล่า...พระปกเกล้าศึกษา: วันนี้ในอดีต เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2477 ได้เกิดอีกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ [Image]. Facebook. https://www.facebook.com/photo.php?fbid=577721057722171

วิดีโอออนไลน์ (YouTube)

  • ตัวอย่าง: Mignon, F. [Grammar Girl]. (2006, September 30). How to diagram a sentence (absolute basics) [Video]. YouTube. https://youtu.be/deiEY5Yq1qI

พระไตรปิฏก

การอ้างอิงจากพระไตรปิฎกภาษาบาลีและพระไตรปิฎกภาษาไทยของเถรวาท ทั้งฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย คัมภีร์อรรถกถาภาษาไทย และฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย พระไตรปิฎกที่ใช้อ้างอิงให้ใช้กําหนดการอ้างอิงให้ระบุในเนื้อหาดังนี้

  1. พระไตรปิฎก ให้ระบุในเนื้อหาโดยให้ใช้ชื่อคัมภีร์ คือ พระไตรปิฎก ตามด้วยภาษาของคัมภีร์ในวงเล็บ () จากนั้นให้ต่อด้วยสำนักพิมพ์ ต่อด้วย เล่ม / ข้อ / หน้า ของคัมภีร์ ดังตัวอย่างนี้ (พระไตรปิฎก (ไทย) มจร. เล่ม/ข้อ/หน้า), (พระไตรปิฎก (บาลี) มจร. เล่ม/ข้อ/หน้า), (พระไตรปิฎก (ไทย) มมร. เล่ม/ข้อ/หน้า), (พระไตรปิฎก (บาลี) มมร. เล่ม/ข้อ/หน้า)
  2. พระไตรปิฎกอรรถกถา ให้ระบุในเนื้อหาโดยให้ใช้ชื่อคัมภีร์ คือ อรรถกถา ตามด้วยภาษาของคัมภีร์ในวงเล็บ () จากนั้นให้ต่อด้วยสำนักพิมพ์ ต่อด้วย เล่ม / ข้อ / หน้า ของคัมภีร์ ดังตัวอย่างนี้ (อรรถกถา (ไทย) มจร. เล่ม/ข้อ/หน้า), (อรรถกถา (บาลี) มจร. เล่ม/ข้อ/หน้า), (อรรถกถา (ไทย) มมร. เล่ม/ข้อ/หน้า), (อรรถกถา (บาลี) มมร. เล่ม/ข้อ/หน้า)

 

 

การเขียนเอกสารอ้างอิงพระไตรปิฎก

รูปแบบ : ชื่อสถาบัน. (พ.ศ./ค.ศ.). ชื่อคัมภีร์ (ตัวเอียง). สถานที่พิมพ์: โรงพิมพ์/สำนักพิมพ์.

ตัวอย่าง: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

การเขียนเอกสารอ้างอิงอรรถกถาพระไตรปิฎก

รูปแบบ :  ชื่อสถาบัน. (พ.ศ./ค.ศ.). ชื่อคัมภีร์ ชื่อเล่ม ภาค (ถ้ามี) (ตัวเอียง). สถานที่พิมพ์: โรงพิมพ์/สำนักพิมพ์.

ตัวอย่าง : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2550). อรรถกถาภาษาไทย ฉบับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย สมันตปาสาทิกา ภาค ๑. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

* หมายเหตุ หากมีฉบับอื่น ๆ ที่เป็นสายของเถรวาทให้ใช้ในรูปแบบเดียวกันนี้

 

พระสงฆ์ (ให้ใส่สมณศักดิ์(หากมี) คำนำหน้า ชื่อ ฉายา ให้ครบ)

สมเด็จพระพุทธโฆสาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต). (2560). พจนานุกรมพุทธศาสตร์. กรุงเทพมหานคร: สหธรรมิก.

Phra Brahmagunabhorn (P.A.Payutto). (2013). Dictionary of Buddhism. Bangkok: Pali Dhamma          Publishing Company.

Phramaha Wutthichai Vajiramedhi (V. Vajiramedhi). (2012). Ahimsa Magga to Peace. Bangkok:     Buddhist Economics University.