ความต้องการจำเป็นของการนิเทศภายในแบบร่วมมือ ของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต 2

ผู้แต่ง

  • อัจฉราพร งามสง่า โรงเรียนบ้านแป้น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต 2

คำสำคัญ:

ความต้องการจำเป็น, การนิเทศภายในแบบร่วมมือ, โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา

บทคัดย่อ

            การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์และความต้องการจำเป็นของการดำเนินงานการนิเทศภายในแบบร่วมมือ ของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต 2 เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้บริหารและครูผู้สอนโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา จำนวน 186 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางเทียบหากลุ่มตัวอย่างของเครจซี่และมอร์แกน โดยผู้บริหารเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ครูผู้สอนใช้วิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple random sampling) เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามตอบสนองคู่ แบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าดัชนีความสอดคล้อง 1.00 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับสภาพปัจจุบัน เท่ากับ 0.902 สภาพที่พึงประสงค์ 0.973 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าดัชนี PNImodified

         ผลการวิจัยพบว่า

        1. สภาพปัจจุบัน ของการดำเนินงานการนิเทศภายในแบบร่วมมือของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา อยู่ในระดับปนกลาง ค่าเฉลี่ย (𝑥̅ = 3.46) ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุดคือ ด้านการให้ความช่วยเหลือแก่ครู โดยตรง รองลงมาคือด้านการพัฒนาหลักสูตร และมีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดคือด้านการพัฒนาทักษะการทำงานกลุ่ม

          2. สภาพที่พึงประสงค์ ของการดำเนินงานการนิเทศภายในแบบร่วมมือของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย (𝑥̅ = 4.51) ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุดคือด้านการวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียน รองลงมาคือด้านการพัฒนาหลักสูตร และมีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดคือ ด้านการเสริมประสบการณ์ทางวิชาชีพ

          3. ความต้องการจำเป็นของการดำเนินงานการนิเทศภายในแบบร่วมมือของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา เรียงลำดับความสำคัญดังนี้ ด้านการพัฒนาทักษะการทำงานกลุ่ม มีค่าดัชนีความต้องการจำเป็นมากที่สุด (PNIModified = 0.35) รองลงมาคือ ด้านการวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียน (PNIModified = 0.31)และด้านที่มีความต้องการจำเป็นน้อยที่สุดคือด้านการให้ความช่วยเหลือแก่ครู โดยตรง (PNIModified = 0.26)

เอกสารอ้างอิง

บุญชม ศรีสะอาด. (2560). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่10 ฉบับปรับปรุงใหม่). กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.

ภาณุวัฒน์ คาสินธ์. (2553). ความต้องการพัฒนาการวิจัยในชั้นเรียนของครูในกลุ่มโรงเรียนแหลมบัว สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐมเขต 2 จังหวัดนครปฐม. ครุศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา.

ศิริวรรณ เสรีรัตน์ และคณะ. (2545). องค์การและการจัดการ. กรุงเทพมหานคร : ไดมอน อินบิสสิเน็ต เวิร์ล.

เสถียร เที่ยงธรรม. (2542). การนิเทศภายในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษาจังหวัดอุดรธานี. รายงานการค้นคว้าอิสระการศึกษามหาบัณฑิต, สาขาวิชาการบริหารการศึกษา, บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

สุวิมล ว่องวาณิช. (2548). การวิจัยประเมินความต้องการจําเป็น. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์. แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สมเดช พินิจสกุล. (2554). การนิเทศภายในโรงเรียนประถมศึกษาสํานักงานการประถมศึกษาอําเภอจตุรพักตรพิมานจังหวัดร้อยเอ็ด. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการประถมศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

สุภาพร อัศราวัฒนา. (2541). การศึกษาพฤติกรรมการทํางานเป็นทีมของนักศึกษา. มหาวิทยาลัยเอกชน: กรณีศึกษามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย.

Krejcie, R. V. & Morgan, D. W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607-610.

Glickman. (2004). Supervision and Instructional Leadership: A Developmental. Approach. (6 th ed.), Boston: Allyn & Bacon.

Lyman, F. (1987). Think-Pair-Share: An Ending Teaching Technique. United States of America: MAA-CIE Cooperative News.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2023-06-29

รูปแบบการอ้างอิง

งามสง่า อ. (2023). ความต้องการจำเป็นของการนิเทศภายในแบบร่วมมือ ของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต 2. Journal of Creative Education Research and Development, 1(1), 38–47. สืบค้น จาก https://so15.tci-thaijo.org/index.php/JCERD/article/view/2631