ความต้องการจำเป็นในการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนขนาดเล็กในอำเภอเชียงยืน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 3
คำสำคัญ:
ความต้องการจำเป็น, การบริหารงานวิชาการ, โรงเรียนขนาดเล็กบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์ ในการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนขนาดเล็ก 2. เพื่อศึกษาความต้องการจำเป็นในการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนขนาดเล็ก ในเขตอำเภอเชียงยืน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 3 กลุ่มประชากรเป็นผู้บริหารและครูผู้สอนวิชาการของโรงเรียนขนาดเล็กในอำเภอเชียงยืน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 3 จำนวน 246 คน เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์องค์ ประกอบด้วย ลักษณะของแบบสอบถามเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating scale) มี 5 ระดับ ตามวิธีของลิเกิร์ต (Likert scale) โดยทุกข้อจะมีคำตอบแบบตอบสนองคู่ (Dual-response format) หรือ 2 สภาพ คือ ระดับของสภาพจริงที่เป็นอยู่ของการบริหารงานงานวิชาการ และระดับของสภาพที่พึงประสงค์ของการบริหารงานงานวิชาการ
ผลการวิจัยพบว่า
1. สภาพปัจจุบัน ในการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนขนาดเล็กในเขตอำเภอเชียงยืน โดยรวมอยู่ในระดับมาก (μ = 3.59) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่าอยู่ในระดับมาก 4 ด้าน เรียงลำดับค่าเฉลี่ยสูงสุดไปหาน้อยสุด ได้แก่ ด้านการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ (μ = 3.67) ด้านการพัฒนาสื่อ และนวัตกรรม (μ = 3.65)ด้านการวัดผล ประเมินผล (μ = 3.62) . ด้านการนิเทศการศึกษา (μ = 3.59)
2. สภาพที่พึงประสงค์ ในการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนขนาดเล็กในเขตอำเภอเชียงยืน โดยรวมอยู่ในระดับมาก (μ =4.47) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าทุกด้านอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด เรียงลำดับค่าเฉลี่ยสูงสุดไปหาน้อยสุด ได้แก่ ด้านการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ (μ = 4.59) ด้านการวัดผล ประเมินผล (μ = 4.52) ด้านการนิเทศการศึกษา(μ = 4.48)
3. ความต้องการจำเป็นในการบริหารงานวิชาการของโรงเรียนขนาดเล็กในเขตอำเภอเชียงยืน รายด้าน เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ด้านการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา (PNImodified = 0.2507) ผู้วิจัยใช้ค่าเฉลี่ยรวมเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาเรียงลำดับความต้องการจำเป็น โดยยึดค่า PNImodified ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยรวม
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกระจายอำนาจการบริหารและการบริหารการจัดการศึกษา พ.ศ. 2550. ม.ป.ท. : ม.ป.พ.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2546). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพุทธศักราช 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2 พุทธศักราช 2545). กรุงเทพฯ : คุรุสภา.
เกียรติภูมิ มะแสงสม. (2561). การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมครูด้านการจัดการเรียนรู้แบบคละชั้นในโรงเรียนขนาดเล็ก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 1. ครุศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.
กมล ภู่ประเสริฐ. (2544). การบริหารงานวิชาการในสถานศึกษา. กรุงเทพฯ : ทิปส์ พับบลิเคชั่น.
ชุมศักดิ์ อินทรรักษ์. (2547). การบริหารงานวิชาการ. พิมพ์ครั้งที่ 3. ปัตตานี : ฝ่ายเทคโนโลยีทางการศึกษา สำนักวิทยบริการมหาวิทยาลัยสงขลานครินทรวิทยาเขตปัตตานี.
ทิศนา แขมมณี. (2548). รูปแบบการเรียนการสอนทางเลือกที่หลากหลาย. กรุงเทพฯ: ด่านสุทธาการพิมพ์.
บุญชม ศรีสะอาด. (2560). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่10 ฉบับปรับปรุงใหม่). กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.
ประชุม ผงผ่าน. (2541). เอกสารประกอบคาสอนผู้นำทาง วิชาการและการพัฒนาหลักสูตร. อุบลราชธานี : สถาบันราชภัฏอุบลราชธานี.
สุวิมล ว่องวาณิช. (2558). การวิจัยประเมินความต้องการจําเป็น (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: สํานักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 3. ข้อมูลสารสนเทศ. (2566). สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 3.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 3. (2566). แผนพัฒนาการศึกษา ปี 2566-2570. ม.ป.ท. : ม.ป.พ.
สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ. (2550). ประสิทธิภาพการบริหารงานโรงเรียนประถมศึกษา. กรุงเทพฯ : ชุมชุสหกรณ์ณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.). (2566). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 พ.ศ. 2566-2570. สำนักนายกรัฐมนตรี.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). ปฏิรูปการเรียนรู้ผู้เรียนเป็นสำคัญที่สุด. กรุงเทพฯ : ม.ป.พ.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษากระทรวงศึกษาธิการ. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 -2579. กรุงเทพฯ : พริกหวานกราฟฟิค.
สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ. (2550). ประสิทธิภาพการบริหารงานโรงเรียนประถมศึกษา. กรุงเทพฯ : ชุมชุสหกรณ์ณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความนี้ได้รับการเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0) ซึ่งอนุญาตให้ผู้อื่นสามารถแชร์บทความได้โดยให้เครดิตผู้เขียนและห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าหรือดัดแปลง หากต้องการใช้งานซ้ำในลักษณะอื่น ๆ หรือการเผยแพร่ซ้ำ จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากวารสาร