ความต้องการจำเป็นในการบริหารงานกิจการนักเรียนในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเลย หนองบัวลำภู
คำสำคัญ:
ความต้องการจำเป็น, การบริหาร, งานกิจการนักเรียนบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์ และต้องการจำเป็นในการบริหารงานกิจการนักเรียนในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเลย หนองบัวลำภู กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ผู้บริหารสถานศึกษาและครู สหวิทยาเขตบัวบาน จำนวน 220 คน โดยใช้วิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) ด้วยวิธีการจับสลาก และ การเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) ผู้บริหารสสถานศึกษาและครูกิจการนักเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ แบบสอบถามสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
ผลการวิจัยพบว่า
1. สภาพปัจจุบัน สภาพปัจจุบัน การบริหารงานกิจการนักเรียน โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( = 3.75) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่าอยู่ในระดับมากทุกด้าน ได้แก่ ด้านบริการและสวัสดิการนักเรียน ด้านดูแลและช่วยเหลือนักเรียน ด้านปกครองและระเบียบวินัย ด้านบริการสุขภาพอนามัยนักเรียน และด้านกิจกรรมนักเรียน
2. สภาพที่พึงประสงค์ การบริหารงานกิจการนักเรียน โดยรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด ( = 4.64) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่าอยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน ได้แก่ ด้านกิจกรรมนักเรียนด้านปกครองและระเบียบวินัย ด้านบริการและสวัสดิการนักเรียน ด้านดูแลและช่วยเหลือนักเรียนและด้านบริการสุขภาพอนามัยนักเรียน
3. ความต้องการจำเป็นในการบริหารงานกิจการนักเรียน พบว่าด้านที่มีความต้องการจำเป็นเร่งด่วน คือ ด้านกิจกรรมนักเรียน ประเด็นที่มีความต้องการจำเป็น ในด้านอื่นๆ ได้แก่ การจัดกิจกรรมในการบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม การจัดหาทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนที่ขาดแคลนได้เพียงพอกับความต้องการ การป้องกันปัญหาชู้สาวในโรงเรียน การจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพหรือร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงพยาบาล, เทศบาล และการวิเคราะห์นักเรียนเป็นรายบุคคล
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
กัมปนาท อาทิตย์ตั้ง. (2565). แนวทางการบริหารงานกิจการนักเรียนในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครสวรรค์. วารสารครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์, 5(2), 100-112.
ธีระ รุญเจริญ. (2550). ความเป็นมืออาชีพในการจัดและบริหารการศึกษายุคปฏิรูปการศึกษา. กรุงเทพฯ: แอล ที เพรส จำกัด.
บุญชม ศรีสะอาด. (2560). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่10 ฉบับปรับปรุงใหม่). กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.
มาลินี เกศธนากร. (2556). การบริหารงานกิจการนักเรียนตามหลักธรรมาภิบาลเชิงพุทธของ. บุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนมัธยมศึกษาสังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษา. ปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
ณฐพัฒน์ ถุงพลอย. (2563). การพัฒนาคู่มือการบริหารกิจการนักเรียนของโรงเรียน สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 11 ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต (การบริหารการศึกษา).มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี.
ภัทรวดีแตรสังข์. (2556). การนำเสนอแนวทางการบริหารงานกิจการนักเรียนแบบมีส่วนร่วมของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอ่างทอง. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี.
สุวิมล ว่องวาณิช. (2558). การวิจัยประเมินความต้องการจําเป็น (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์. แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สำนักบริหารงานการมัธยมศึกษาตอนปลาย สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2562). การบริหารงานกิจการนักเรียนตามมาตรฐานการปฏิบัติงานโรงเรียนมัธยมศึกษา พ.ศ.2560 (ปรับปรุง พ.ศ.2562). กระทรวงศึกษาธิการ.
สัมพันธ์ ชื่นสำราญ. (2556). การดำเนินงานกิจการนักเรียนของโรงเรียนมัธยมศึกษาในเขตอำเภอเมืองสมุทรปราการ. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยบูรพา.
อภิญญา รู้ธรรม. (2556). การบริหารงานกิจการนักเรียนของโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัดเชียงราย. วิทยานิพนธ์ครุศาสตร. มหาบัณฑิต (การบริหารการศึกษา). มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย.
John, V. T. (1995). Marketing (2nd ed.). New York: McGrew-Hill.
Marie, H.A. (1998). School-Community Relationships : A Namibian Case Study. Canada : Alberta University.
Taylor, Graham. (1988). Making Sense of Information Technology. The Electronic Avenue Coursebook.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความนี้ได้รับการเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0) ซึ่งอนุญาตให้ผู้อื่นสามารถแชร์บทความได้โดยให้เครดิตผู้เขียนและห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าหรือดัดแปลง หากต้องการใช้งานซ้ำในลักษณะอื่น ๆ หรือการเผยแพร่ซ้ำ จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากวารสาร