สมรรถนะดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษา

ผู้แต่ง

  • สมใจ มณีวงษ์ วิทยาลัยพิชญบัณฑิต

คำสำคัญ:

สมรรถนะดิจิทัล, ผู้บริหารสถานศึกษา, การศึกษาขั้นพื้นฐาน

บทคัดย่อ

            บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอแนวคิด ทฤษฎี และองค์ประกอบของสมรรถนะดิจิทัลที่จำเป็นสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน รวมถึงวิเคราะห์สภาพปัญหาและเสนอแนวทางในการพัฒนาสมรรถนะดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในบริบทการศึกษาไทย ในยุค ที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในวงการการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษาจำเป็นต้องมีสมรรถนะดิจิทัลที่เหมาะสม เพื่อใช้ในการบริหารจัดการสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพ และส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 จากการสังเคราะห์แนวคิดของนักวิชาการ สามารถสรุปองค์ประกอบสำคัญของสมรรถนะดิจิทัลสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานได้               5 ด้าน ได้แก่ 1) ความรู้และทักษะด้านดิจิทัล 2) การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารจัดการ 3) การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดการเรียนการสอน 4) การพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาด้านดิจิทัล และ 5) จริยธรรมและความปลอดภัยในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล การพัฒนาสมรรถนะดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษาควรดำเนินการอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ทั้งในระดับนโยบาย ระดับองค์กร และระดับตัวบุคคล ผ่านความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อันจะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพการศึกษาและพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตในยุคดิจิทัลต่อไป

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. (2546). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์.

เกศินี ครุณาสวัสดิ์. (2562). สมรรถนะด้านดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษายุคการศึกษา 4.0. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, 21(3), 328-338.

ปรัชญนันท์ นิลสุข. (2563). การพัฒนาสมรรถนะดิจิทัลสำหรับผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษาในยุคดิจิทัลภิวัตน์. วารสารครุศาสตร์อุตสาหกรรม, 19(1), 179-187.

จิณณวัตร ปะโคทัง. (2563). การพัฒนาทักษะดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32. วารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์, 14(2), 179-191.

ปัญญา สังข์ภิรมย์. (2563). การศึกษาสมรรถนะดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 5. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, 22(4), 399-411.

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2563). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579 (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: บริษัทพริกหวานกราฟฟิค จำกัด.

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2553). คู่มือประเมินสมรรถนะผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

Carretero, S., Vuorikari, R., & Punie, Y. (2017). DigComp 2.1: The digital competence framework for citizens with eight proficiency levels and examples of use. Luxembourg: Publications Office of the European Union.

DuFour, R., & Eaker, R. (1998). Professional learning communities at work: Best practices for enhancing students achievement. Bloomington, IN: Solution Tree Press.

Eshet, Y. (2004). Digital literacy: A conceptual framework for survival skills in the digital era. Journal of Educational Multimedia and Hypermedia, 13(1), 93-106.

Ferrari, A. (2012). Digital competence in practice: An analysis of frameworks. Seville: Joint Research Centre, Institute for Prospective Technological Studies.

Kozlowski, S. W., & Ilgen, D. R. (2006). Enhancing the effectiveness of work groups and teams. Psychological Science in the Public Interest, 7(3), 77-124.

Levin, B. B., & Schrum, L. (2012). Leading technology-rich schools: Award-winning models for success. New York, NY: Teachers College Press.

Mishra, P., & Koehler, M. J. (2006). Technological pedagogical content knowledge: A framework for teacher knowledge. Teachers College Record, 108(6), 1017-1054.

Ribble, M., & Park, M. (2019). The digital citizenship handbook for school leaders: Fostering positive interactions online. Portland, OR: International Society for Technology in Education.

Sheninger, E. (2019). Digital leadership: Changing paradigms for changing times (2nd ed.). Thousand Oaks, CA: Corwin Press.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2024-06-30

รูปแบบการอ้างอิง

มณีวงษ์ ส. (2024). สมรรถนะดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษา. Journal of Creative Education Research and Development, 2(1), 40–47. สืบค้น จาก https://so15.tci-thaijo.org/index.php/JCERD/article/view/2694