จริยธรรมในการตีพิมพ์ผลงานในวารสาร
จริยธรรมในการตีพิมพ์ผลงานในวารสาร “นวัตศาสตร์สหวิทยาการ”
(Publication Ethics in “Journal of Innovative Interdisciplinary Sciences”)
บทบาทและหน้าที่ของผู้เขียนบทความ
(Author Ethical Responsibilities)
- บทความที่จะได้รับการพิจารณาลงตีพิมพ์ใน “วารสารนวัตศาสตร์สหวิทยาการ” ผู้เขียนต้องรับรองและรับผิดชอบเกี่ยวกับบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์ จะต้องเป็นบทความที่ไม่ซ้ำซ้อนและไม่เคยส่งตีพิมพ์ที่ใดมาก่อนหรืออยู่ระหว่างการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่นแต่อย่างใด
- ผู้เขียนจะต้องคำนึงถึงจริยธรรมการวิจัย จะต้องไม่ละเมิดหรือคัดลอกผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง หากมีการนำผลงานเหล่านั้นมาใช้ในบทความของตัวเอง รวมถึงต้องมีความรับผิดชอบในการอ้างอิง ไม่ว่าจะเป็นผลงาน เนื้อหา ภาพ หรือตาราง หากมีการนำมาใช้ในบทความของตนเอง โดยให้ระบุ “ที่มา” เพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ (หากมีการฟ้องร้องจะเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว ทางวารสารจะไม่รับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น) และจะดำเนินการถอนบทความออกจากการเผยแพร่ของวารสารทันที
- ผู้เขียนต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การเสนอบทความเพื่อตีพิมพ์ใน “วารสารนวัตศาสตร์สหวิทยาการ” อย่างเคร่งครัด ทั้งในแง่ของรูปแบบและเนื้อหาจะต้องปรับแก้ไขบทความตามรูปแบบและขนาดตัวอักษรตามแบบฟอร์ม (template) ให้ถูกต้องรวมถึงการตรวจสอบความถูกต้องของรายการเอกสารอ้างอิงให้เป็นไปตามรูปแบบของวารสารนี้ เพื่อให้บทความมีรูปแบบการตีพิมพ์ในมาตรฐานเดียวกัน
- ผู้เขียนจะต้องตรวจสอบความถูกต้องของรายการเอกสารอ้างอิงและไม่ควรนำเอกสารวิชาการที่ไม่ได้อ่านมาอ้างอิง หรือใส่ไว้ในเอกสารอ้างอิง และควรอ้างอิงเอกสารเท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสม ไม่ควรอ้างอิงเอกสารที่มากจนเกินไป
- ผู้เขียนจะต้องจัดทำต้นฉบับของบทความตาม "คำแนะนำสำหรับผู้เขียน” และเนื้อหาของบทความจะต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของวารสาร
- ผู้เขียนที่มีชื่อปรากฎในบทความทุกคนจะต้องเป็นผู้มีส่วนในการจัดทำบทความหรือมีส่วนร่วมในการดำเนินการวิจัยจริง บุคคลซึ่งไม่ได้มีส่วนร่วมในการจัดทำบทความ จะไม่อนุญาตให้ใส่ชื่อในบทความเด็ดขาด หากมีการตรวจสอบพบว่า มีบุคคลที่ไม่มีส่วนร่วมในการจัดทำบทความปรากฏอยู่ กองบรรณาธิการจะถอนบทความนั้นทันที
- ผู้เขียนจะต้องแก้ไขบทความตามผลประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิและกองบรรณาธิการให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด หากไม่เป็นไปตามที่กำหนด จะต้องเลื่อนการตีพิมพ์เผยแพร่ออกไปหรืออาจถูกถอดถอนบทความออกจากกระบวนการพิจารณาของวารสารได้ทันที
- ผู้เขียนจะต้องระบุชื่อแหล่งทุนที่ให้การสนับสนุนในการทำวิจัย (ถ้ามี) และ/หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน (ถ้ามี) จะต้องระบุในบทความและแจ้งให้บรรณาธิการทราบ
- ผู้เขียนต้องระบุแหล่งทุนที่สนับสนุนในการทำวิจัยนี้ และ/หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อนจะต้องระบุในบทความ และแจ้งให้บรรณาธิการทราบ
- ในบทความผู้เขียนจะต้องไม่รายงานข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างข้อมูลเท็จ หรือการปลอมแปลง บิดเบือน รวมไปถึงการตกแต่ง หรือ เลือกแสดงข้อมูลเฉพาะที่สอดคล้องกับข้อสรุป
- ผู้เขียนไม่ควรอ้างอิงเอกสารที่ถูกถอดถอนออกไปแล้ว เว้นแต่ข้อความที่ต้องการสนับสนุนนั้นเป็นข้อความที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการถอดถอน และต้องระบุไว้ในเอกสารอ้างอิงด้วยว่า เป็นเอกสารที่ได้ถูกถอดถอนออกไปแล้ว
- กรณีที่ผลงานเป็นการศึกษาวิจัยและทำการทดลองในคนหรือสัตว์ทดลอง โดยการทดลองในคนอาจส่งผลกระทบต่อศักดิ์ศรี สิทธิ ความปลอดภัย และสุขภาวะของคน ขอให้แนบหนังสือรับรองจริยธรรมจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์หรือสัตว์ทดลอง ทั้งนี้ การอนุมัติให้ลงตีพิมพ์ขึ้นอยู่กับการพิจารณาจากกองบรรณาธิการวารสารฯ ถือเป็นที่สิ้นสุด
บทบาทและหน้าที่ของบรรณาธิการวารสาร
(Editor Roles and Responsibility)
- บรรณาธิการมีหน้าที่พิจารณาคุณภาพของบทความ เพื่อตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารที่ตนรับผิดชอบ และไม่ตีพิมพ์บทความที่เคยตีพิมพ์จากที่อื่นมาแล้ว
- บรรณาธิการมีหน้าที่พิจารณาตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยที่มีระเบียบวิธีวิจัยที่ถูกต้อง และให้ผลที่น่าเชื่อถือ โดยนำผลของการวิจัยมาเป็นตัวชี้นำว่า สมควรตีพิมพ์เผยแพร่หรือไม่
- บรรณาธิการต้องกำกับ ติดตาม ดูแลและดำเนินการอย่างเหมาะสมกับผู้นิพนธ์หรือบทความที่ตรวจพบว่า มีการกระทำผิดด้านจริยธรรม/จรรยาบรรณ เช่น การละเมิดหรือคัดลอกผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง
- บรรณาธิการมีหน้าที่พิจารณาตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยที่มีระเบียบวิธีวิจัยที่ถูกต้อง และให้ผลที่น่าเชื่อถือ โดยนำผลของการวิจัยมาเป็นตัวชี้นำว่า สมควรตีพิมพ์เผยแพร่หรือไม่
- บรรณาธิการมีหน้าที่ควบคุม ดูแลและพิจารณาคุณภาพของบทความ เพื่อตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร และต้องคัดเลือกบทความมาตีพิมพ์หลังจากผ่านกระบวนการประเมินบทความแล้ว โดยพิจารณาจากความชัดเจนและความสอดคล้องของเนื้อหากับนโยบายของวารสารเป็นสำคัญ และต้องมีข้อความรู้ที่สะท้อนมุมมอง แนวคิดเชิงทฤษฎีที่ได้จากประสบการณ์ การสังเคราะห์เอกสาร หรืองานวิจัย ที่มุ่งเน้นการนำเสนอแนวคิดทฤษฎีใหม่ รวมถึงแบบจำลองเชิงแนวคิด (Conceptual Model) ที่ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจอันจะนำไปสู่การวิจัยในหัวข้อวิชาการที่สำคัญ
- บรรณาธิการจะต้องไม่เปิดเผยข้อมูลของผู้เขียน และผู้ประเมินบทความแก่บุคคลอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องในช่วงเวลาของการประเมินบทความ ซึ่งวารสารได้กำหนดในลักษณะปกปิดรายชื่อ (Double-blind Peer Review)
- บรรณาธิการต้องไม่นำข้อมูลบางส่วนหรือทุกส่วนของบทความไปเป็นผลงานของตนเอง
- บรรณาธิการต้องกำกับ ติดตาม ดูแลการตีพิมพ์เผยแพร่บทความที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interest) เช่น การตีพิมพ์เผยแพร่บทความของตนเอง (บรรณาธิการหรือกองบรรณาธิการ) อย่างมีนัยสำคัญ หรือไม่มีการตรวจสอบคุณภาพบทความก่อนการตีพิมพ์โดยผู้ทรงคุณวุฒิที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับบทความ เป็นต้น
- บรรณาธิการต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน(Conflict of Interest) กับผู้เขียนและผู้ประเมินอย่างเด็ดขาด เพื่อรักษาไว้ซึ่งหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินงานอย่างเคร่งครัด
- บรรณาธิการต้องกำกับ ติดตาม ดูแลให้การดำเนินงานของวารสาร เป็นไปตามนโยบายและวัตถุประสงค์ให้ถูกต้องตามจริยธรรม/จรรยาบรรณ ตามประกาศของศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (TCI) เรื่องการประเมินด้านจริยธรรม/จรรยาบรรณวารสารวิชาการไทยในฐานข้อมูล TCI อย่างเคร่งครัด
- บรรณาธิการต้องกำกับติดตามดูแล ทั้งด้วยตนเองและคณะทำงานในเรื่องจำนวนและคุณภาพการอ้างอิงของวารสารที่ผิดไปจากสภาพความเป็นจริง เช่น การกำกับและร้องขอให้มีการอ้างอิงบทความในวารสาร ทั้งในลักษณะลับหรือเปิดเผย และมีการใช้อ้างอิงที่ไม่ถูกต้องและสอดคล้องกับเนื้อหา
- บรรณาธิการต้องไม่ตีพิมพ์บทความที่เคยตีพิมพ์ที่อื่นมาแล้วและต้องมีการตรวจสอบบทความในด้านการคัดลอกผลงานผู้อื่น (Plagiarism) อย่างจริงจัง โดยใช้โปรแกรมที่เชื่อถือได้ เพื่อให้แน่ใจว่า บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารไม่มีการคัดลอกผลงานของผู้อื่น และหากตรวจพบการคัดลอกผลงานของผู้อื่น เกินตามที่กำหนดไว้ จะต้องหยุดกระบวนการประเมินและติดต่อผู้เขียนบทความหลักทันทีและขอคำชี้แจงเพื่อประกอบการ “ตอบรับ” หรือ “ปฏิเสธ” การตีพิมพ์บทความนั้น ๆ
- เมื่อบรรณาธิการตรวจพบการคัดลอกผลงานของผู้อื่น จะต้องระงับการประเมินและติดต่อผู้เขียน เพื่อพิจารณาตอบรับหรือปฏิเสธการตีพิมพ์การตีพิมพ์บทความนั้น ๆ และหากตรวจพบว่ามีการลอกเลียนบทความอื่นโดยมิชอบ หรือมีการปลอมแปลงข้อมูล ซึ่งสมควรถูกถอดถอน แต่ผู้เขียนปฏิเสธที่จะถอนบทความ บรรณาธิการสามารถดำเนินการถอนบทความได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้เขียน ซึ่งถือเป็นสิทธิและความรับผิดชอบต่อบทความของบรรณาธิการ
บรรณาธิการต้องกำกับ ติดตาม ดูแลการเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการตีพิมพ์ (Page Charge) หรือ Processing Fee ซึ่งต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส เช่น กำหนดให้มีการประกาศกระบวนการเรียกเก็บอย่างชัดเจน ระบุค่าตีพิมพ์หรือเงื่อนไขการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการตีพิมพ์ ตามที่ระบุไว้อย่างเคร่งครัด
บทบาทและหน้าที่ของผู้ประเมินบทความ
(Reviewer Roles and Responsibilities)
- ผู้ประเมินบทความต้องรักษาความลับและไม่เปิดเผยข้อมูลของบทความที่ส่งมาเพื่อพิจารณาแก่บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องในช่วงระยะเวลาของการประเมินบทความ รวมถึงหลังจากที่พิจารณาประเมินบทความเสร็จแล้ว
- ผู้ประเมินบทความควรรับประเมินบทความเฉพาะสาขาวิชาที่ตนมีความเชี่ยวชาญ และหากมีส่วนใดของบทความที่มีความเหมือนกัน หรือซ้ำซ้อนกับผลงานชิ้นอื่น ๆ ผู้ประเมินบทความต้องแจ้งให้บรรณาธิการทราบ
- ผู้ประเมินบทความควรมีจรรยาบรรณในการแนะนำความคิดเห็นทางวิชาการของตนเอง ลงในแบบฟอร์มการประเมินหรือเนื้อหาในบทความด้วยความยุติธรรม ไม่อคติ รวมทั้งตรงต่อเวลาตามที่วารสารกำหนดในการประเมิน โดยพิจารณาความสำคัญเนื้อหาที่มีต่อสาขาวิชานั้น ๆ รวมถึงคุณภาพของการวิเคราะห์ ความเข้มข้นของผลงาน และควรระบุผลงานวิจัยที่สำคัญหรือสอดคล้องกับบทความ ซึ่งผู้เขียนไม่ได้อ้างถึงไว้ในการประเมินด้วย แต่ผู้ประเมินประเมินไม่ควรแสดงความคิดเห็นส่วนตัวที่ไม่มีข้อมูลรองรับมาเป็นเกณฑ์การตัดสินบทความ
- หลังจากได้รับบทความจากบรรณาธิการวารสาร ผู้ประเมินบทความได้ตระหนักว่า ตนเองอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับผู้เขียน ซึ่งไม่สามารถให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะอย่างอิสระได้ ผู้ประเมินบทความควรแจ้งให้บรรณาธิการวาสารทราบและปฏิเสธการประเมินบทความนั้น
- ผู้ประเมินบทความควรคำนึงถึงการพิจารณาในหัวข้อ ชื่อเรื่อง หากเป็นบทความวิชาการสามารถพิจารณาให้แก้ไขชื่อเรื่องได้ แต่หากเป็นบทความวิจัยควรพิจารณาเฉพาะความผิดพลาดด้านตัวสะกด และไม่ความพิจารณาให้เปลี่ยนชื่อเรื่องบทความวิจัย
- ผู้ประเมินบทความต้องไม่นำข้อมูลบางส่วนหรือทุกส่วนของบทความไปเป็นผลงานของตนเอง
เมื่อผู้ประเมินบทความพบว่า มีส่วนใดส่วนหนึ่งของบทความที่มีความเหมือนกันหรือซ้ำซ้อนกับผลงานชิ้นอื่น ๆ ผู้ประเมินบทความต้องแจ้งให้บรรณาธิการทราบ พร้อมแสดงหลักฐานให้เห็นเป็นประจักษ์