การศึกษาและพัฒนาคู่มือสามภาษาด้านวิถีวัฒนธรรมและธรรมชาติของ ชุมชนชาติพันธุ์ลาหู่บ้านสองพี่น้อง ตำบลริมโขง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย
คำสำคัญ:
คู่มือการเรียนรู้, วัฒนธรรมและธรรมชาติ, บ้านลาหู่สองพี่น้องบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพทางสังคม วัฒนธรรมและธรรมชาติของชาติพันธุ์ลาหู่บ้านสองพี่น้อง ตำบลริมโขง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย 2) เพื่อพัฒนาคู่มือการเรียนรู้วิถีวัฒนธรรมและธรรมชาติของชาติพันธุ์ลาหู่ บ้านสองพี่น้องโดยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน และ 3) เพื่อทดลองใช้คู่มือการเรียนรู้วิถีวัฒนธรรมและธรรมชาติ ของชาติพันธุ์ลาหู่บ้านสองพี่น้อง ตำบลริมโขง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) แบบสัมภาษณ์เชิงลึกและแบบสังเกตทางตรง โดยเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง คือ ปราชญ์ผู้รู้ในชุมชน ผู้นําชุมชนและเยาวชน จำนวน 19 คน 2) แบบประเมินคุณภาพคู่มือการเรียนรู้ และ 3) แบบประเมินความพึงพอใจ ต่อการใช้คู่มือการเรียนรู้วิถีวัฒนธรรมและธรรมชาติกับกลุ่มผู้ทดลองใช้คู่มือ จำนวน 20 คน โดยมีสถิติที่ใช้ในการ วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า 1) ชุมชนบ้านสองพี่น้องคงเหลือสภาพทางวัฒนธรรมให้พบเห็นในปัจจุบัน 5 ด้าน คือ ด้านการแต่งกาย ด้านการสืบทอดประเพณี ด้านความเชื่อและการนับถือศาสนา ด้านดนตรีและการขับร้อง และด้าน ภูมิปัญญาผ้าและอาหาร 2) ผลการวิเคราะห์และประเมินคุณภาพคู่มือพบว่า ค่าคะแนน IOC อยู่ที่ 0.93 คือมีความ เหมาะสมมากที่สุดในการพัฒนาเป็นคู่มือการเรียนรู้วัฒนธรรมและธรรมชาติ โดยปรับข้อมูลทางสภาพสังคมทั้ง 5 ด้านมาจัดเป็นคู่มือกิจกรรมการเรียนรู้4 กิจกรรม ได้แก่ จุดเรียนรู้ที่ 1 “วัฒนธรรมผ้าและอาหาร” จุดเรียนรู้ที่ 2 “วิถีชีวิต ความเชื่อ และพิธีกรรม” จุดเรียนรู้ที่ 3 “ป่าคือชีวิต ธรรมชาติคือชุมชน” และจุดเรียนรู้ที่ 4 “แนวคิด คลื่นลูกใหม่” และ3) ผลประเมินความพึงพอใจต่อการใช้คู่มือกับกลุ่มทดลองพบว่า มีความพึงพอใจด้านคู่มือการเรียนรู้ อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.23, S.D. = 0.68) ความพึงพอใจต่อกิจกรรมเรียนรู้จุดที่ 1 อยู่ในระดับมาก (
= 4.05, S.D. = 0.74) ความพึงพอใจกิจกรรมเรียนรู้จุดที่ 2 อยู่ในระดับมากที่สุด (
= 4.22, S.D. = 0.68) ความพึงพอใจ กิจกรรมเรียนรู้จุดที่ 3 อยู่ในระดับมากที่สุด (
= 4.72, S.D. = 0.46) และความพึงพอใจต่อกิจกรรมเรียนรู้จุดที่ 4 อยู่ในระดับมาก (
= 4.27, S.D. = 0.67)
เอกสารอ้างอิง
กลุ่มรักษ์เชียงของ สถาบันองค์ความรู้ท้องถิ่นโฮงเฮียนแม่น้ำของ. (2563). รายงานสรุปโครงการการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ของเยาวชนและองค์กรพัฒนาเอกชนประเทศจีนกับประเทศไทย-ลุ่มน้ำโขง. ระหว่างวันที่ 1-7กันยายน พ.ศ. 2562 ณ จังหวัดเชียงราย.
นาวา วงษ์พรม. (2560). แหล่งการเรียนรู้ในชุมชน. อุดรธานี: คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี.
ปริยาภรณ์ ตั้งคุณานันต์. (2557). การจัดการห้องเรียนและแหล่งเรียนรู้. กรุงเทพฯ: มีน เซอร์วิส ซัพพลาย. พิศิษฐ์ ตัณฑวณิช และ พนา จินดาศรี. (2561). ความหมายที่แท้จริงของค่า IOC. วารสารการวัดผลการศึกษา, 24(2), 9-10.
มาลี สิทธิเกรียงไกร. (2562). การสังเคราะห์การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตการดำรงชีพและระบอบอาหารของชุมชน ชาติพันธุ์ลุ่มน้ำโขงสู่ทางเลือกในการพัฒนา. เชียงใหม่: คณะสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ศูนย์ศึกษาและพัฒนาการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย. (2555). การท่องเที่ยวเดินป่า จังหวัด เชียงราย. เชียงราย: มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย.
สภาวัฒนธรรมอำเภอคลองลาน. (2549). วัฒนธรรมท้องถิ่นและภูมินามหมู่บ้านตำบลคลองลาน อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร. กำแพงเพชร: สภาวัฒนธรรมอำเภอคลองลาน.
สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ. (2551). แหล่งเรียนรู้. กรุงเทพฯ: คุรุสภาลาดพร้าว.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2552). การพัฒนามาตรฐานแหล่งการเรียนรู้(รายงานการวิจัย).กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา.
องค์การบริหารส่วนตำบลริมโขง. (2563). ฐานข้อมูลการท่องเที่ยวและฐานข้อมูลภูมิปัญญาท้องถิ่น อบต.ริมโขง อ.เชียงของ จ.เชียงราย. แผนพัฒนาท้องถิ่น (พ.ศ.2561-2565)
จินตนา สุขสมแดน. (2554, ม.ป.ป.). การพัฒนาคู่มือ. สืบค้นจาก http://jsuksomdan.blogspot.com/2011 /02/blog-post_16.html
สมาคมอิมเปค (IMPECT). (2564, ม.ป.ป.). ชนเผ่าลาหู่ (Lahu). สืบค้นจาก https://impect.or.th/2021/01 /21/ชนเผ่าลาหู่-lahu/
Campus Star. (9 สิงหาคม, 2561). 5 ข้อดีของการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศที่นำมาใช้ในการเรียนและการทำงาน. สืบค้นข้อมูลจาก https://today.line.me/th/v2/article/ 6GDZjw
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ปริทัศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความนี้ได้รับการเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0) ซึ่งอนุญาตให้ผู้อื่นสามารถแชร์บทความได้โดยให้เครดิตผู้เขียนและห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าหรือดัดแปลง หากต้องการใช้งานซ้ำในลักษณะอื่น ๆ หรือการเผยแพร่ซ้ำ จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากวารสาร
