Home ThaiJO
การส่งบทความ
ข้อกำหนดการส่งบทความ
ในขั้นตอนการส่งบทความ ผู้แต่งต้องตรวจสอบและยืนยันว่าปฏิบัติตามข้อกำหนดการส่งบทความทุกข้อ บทความที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดอาจถูกส่งคืนให้ผู้แต่งดำเนินการแก้ไข- บทความเรื่องนี้ยังไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ในระหว่างการพิจารณาเพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่น (หากมีกรุณาอธิบายในข้อความถึงบรรณาธิการ)
- บทความเตรียมในรูปแบบของไฟล์ Microsoft Word ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ที่เมนูแบบฟอร์มบทความวิจัย / บทความวิชาการ
- มีการให้ URLs ที่เข้าถึงได้ สำหรับเอกสารที่อ้างอิงจากอินเทอร์เน็ต
- บทความพิมพ์แบบใช้ระยะห่างบรรทัดปกติ (single-spaced) ขนาดฟ้อนท์ตัวอักษร 16pt(ในภาษาไทย) และ 16 pt(ในภาษาอังกฤษ) ใช้ตัวเอนแทนการขีดเส้นใต้สำหรับสังกัดผู้แต่ง (ยกเว้น ที่อยู่ URL) และ ระบุข้อมูล รูปวาด รูปภาพ และตาราง ในตำแหน่งที่เหมาะสม เป็นตามข้อกำหนดของวารสารตามคำแนะนำผู้แต่งที่ปรากฎในเว็บไซต์
-
ผู้เขียนบทความกรอกแบบฟอร์มนำส่งบทความเพื่อตีพิมพ์ วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ปริทัศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง จำนวน 1 ชุด ส่งพร้อมกับไฟล์บทความมายังวารสารฯ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้จากเมนูดาวน์โหลดแบบฟอร์มบทความ หรือที่ลิงค์ lpru.in/ft7o และตรวจสอบต้นฉบับก่อนนำส่งในระบบ
- บทความเตรียมตามข้อกำหนด ทั้งในด้านของรูปแบบและการเขียนเอกสารอ้างอิงแบบ APA7 ตามคำแนะนำสำหรับผู้แต่ง (Author Guidelines) ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้จากเมนูรูปแบบการเขียนอ้างอิงในวารสาร
บทความวิจัย
บทความวิชาการ
บทความวิชาการ (Articile Academnic) หมายถึง งานเขียนซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจและอยู่ในกรอบเนื้อหาที่กำหนด ต้องมีการอ้างอิงตามหลักวิชาการ
บทวิจารณ์หนังสือ
ประกาศลิขสิทธิ์
ผู้เขียนบทความสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์ม การเขียนบทความได้ดังนี้
แบบฟอร์มนำส่งบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ปริทัศน์
ขั้นตอนการประเมินบทความมีกระบวนการดังต่อไปนี้
- ผู้เขียนส่งแบบฟอร์มนำส่งบทความเพื่อตีพิมพ์บทความในวารสารฯ และไฟล์บทความไปยังระบบวารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ปริทัศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง หรือ กดที่นี่
- กองบรรณาธิการดำเนินการแจ้งให้ผู้เขียนทราบ เมื่อกองบรรณาธิการได้รับไฟล์บทความเรียบร้อยแล้ว
- กองบรรณาธิการดำเนินการตรวจสอบหัวข้อ บทคัดย่อ และเนื้อหาของบทความ รูปแบบการจัดพิมพ์บทความ ประเด็นทางจริยธรรม ตรวจการคัดลอกบทความ (Plagiarism Checker) และความเหมาะสมและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของวารสาร รวมถึงประโยชน์ในเชิงทฤษฎีและเชิงปฏิบัติ ในเบื้องต้น
- ในกรณีที่กองบรรณาธิการพิจารณาเห็นควรรับไว้พิจารณาตีพิมพ์ กองบรรณาธิการจะดำเนินการจัดส่งบทความเพื่อทำการกลั่นกรองต่อไปโดย ส่งให้ผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาที่เกี่ยวข้อง จำนวน 3 ท่าน เพื่อตรวจสอบคุณภาพของบทความ ว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมที่จะลงตีพิมพ์หรือไม่ กระบวนการพิจารณากลั่นกรองนี้เป็นการประเมินแบบปกปิดสองทาง (Double blind review) กล่าวคือ จะไม่เปิดเผยชื่อผู้ส่งบทความให้ผู้ทรงคุณวุฒิทราบ และจะไม่เปิดเผยชื่อผู้ทรงคุณวุฒิให้ผู้เขียนทราบ และกองบรรณาธิการจะไม่เปิดเผยทั้งชื่อผู้เขียนและชื่อผู้ทรงคุณวุฒิให้บุคคลอื่น ทราบด้วยเช่นกัน
การจัดเตรียมต้นฉบับ
ต้นฉบับที่ส่งมาเพื่อลงตีพิมพ์ในวารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ปริทัศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ผู้เขียนสามารถจัดเตรียมต้นฉบับได้ทั้งในรูปแบบภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ได้ตามข้อกำหนดของวารสารฯ ดังต่อไปนี้
- บทความจัดพิมพ์ลงบนขนาดกระดาษ A4 (21×29.7 ซม.) และมีความยาวอยู่ระหว่าง 13 - 15 หน้า ตามแบบฟอร์มวารสารที่กำหนด
- การพิมพ์ด้วยโปรแกรมไมโครซอฟท์เวิร์ด (Microsoft Word) พิมพ์หน้าเดียว 1 คอลัมน์ ระยะห่างบรรทัด 1 เท่า (single space) ด้วยรูปแบบอักษร (font) TH Sarabun New ขนาด 16 ตัวอักษรต่อนิ้ว ทั้งอักษรภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
- การใช้ภาษาไทยให้ยึดคำสะกดและคำแปลความหมายตามหลักราชบัณฑิตยสถาน โดยใช้ภาษาไทยเป็นหลัก และใช้ภาษาอังกฤษในกรณีที่ไม่มีคำสะกดในภาษาไทยหรือมีความจำเป็น การใช้ อักษรย่อ ต้องเขียนคำเต็มไว้ในการเขียนในครั้งแรกก่อน และไม่ใช้คำย่อที่ไม่เป็นมาตรฐานยกเว้นการย่อเพื่อเขียนเนื้อหาให้กระชับขึ้น การแปลศัพท์อังกฤษเป็นไทย หรือการเขียนทับศัพท์ให้ยึดตามหลักราชบัณฑิตยสถาน
หน้าแรก (สำหรับบทความวิจัย และ บทความวิชาการ)
- ชื่อเรื่อง (Title) ชื่อเรื่องควรสั้นกะทัดรัดและสื่อถึงเป้าหมายหลักของบทความ ชื่อเรื่องสำหรับบทความภาษาไทย ต้องมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
- ชื่อผู้เขียน (Author name) เขียนต่อจากชื่อเรื่องต้องมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษพร้อม ไม่ใส่ยศ หรือตำแหน่งวิชาการ ในกรณีที่มีผู้เขียนมากกว่า 1 คนให้เรียงชื่อตามลำดับตามการมีส่วนร่วมเชิงปัญญา เริ่มจากชื่อแรกมากสุดถึงชื่อสุดท้ายน้อยที่สุด พร้อมทั้งแสดงสังกัดหน่วยงานของผู้เขียนทุกคนขณะทำการวิจัย
- บทคัดย่อ (Abstract) เขียนเนื้อความย่อตามลำดับโครงสร้างของบทความได้แก่ ความสำคัญ วัตถุประสงค์ (Background and Purpose) วิธีการศึกษา (Methods) ผลการศึกษา (Results) และบทสรุป (Conclusions) โดยใช้ภาษาเหมาะสมไม่ฟุ่มเฟือยคำ เป็นประโยคสมบูรณ์และสื่อความหมายได้ชัดเจนอย่างกระชับ อ่านเข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน เขียนแยกสองภาษาในภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เริ่มบทคัดย่อภาษาไทยก่อนบทคัดย่อภาษาอังกฤษ โดยบทคัดย่อภาษาไทยไม่ควรเกิน 300 คำ และบทคัดย่อภาษาอังกฤษไม่ควรเกิน 250 คำ
- คำสำคัญ (Keywords) ระบุคำสำคัญในแต่ละภาษา เขียนด้านท้ายบทคัดย่อ ให้ใช้คำที่สื่อความหมายกับเนื้อหาของงานวิจัย จำนวน 3-5 คำ เรียงลำดับตามตัวอักษร
ส่วนเนื้อหาของบทความ (สำหรับ บทความวิจัย)
- บทนำ (Introduction) เขียนแสดงที่มาและความสำคัญของปัญหา แนวคิดและทฤษฎี วัตุประสงค์ เหตุผลความจำเป็นของการศึกษา มีการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับบทความและตรงกับวัตุประสงค์โดยให้ข้อมูลและอ้างอิงงานทางวิชาการที่เกี่ยวข้อง ควรอ้างเอกสารจากบทความทางวิชาการเป็นหลัก
- วัตถุประสงค์การวิจัย (Research objectives) เขียนแสดงวัตถุประสงค์การวิจัยเป็นรายข้อ
- วิธีการศึกษา (Methods) ให้ระบุระเบียบวิธีการวิจัยหรือการศึกษา เครื่องมือวิจัย (ถ้ามี) ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง (ถ้ามี) วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล เครื่องมือทางสถิติที่ใช้ การจัดทำเนื้อหาอาจแยกหัวข้อย่อยหรือแบ่งย่อหน้าตามหัวข้อย่อยได้
- ผลการศึกษา (Results) ให้เขียนรายงานผลการศึกษาหรือผลการทดลอง โดยเป็นการบรรยายเนื้อหาจากข้อมูลทางสถิติที่ค้นพบจากงานวิจัย และ/หรือ ผ่านทางตาราง หรือ รูปภาพ หรือ แผนภูมิ
- อภิปรายผล (Discussion) ส่วนนี้ควรวิเคราะห์ สังเคราะห์ อภิปรายข้อมูลที่ได้มาจากผลการวิจัยข้างต้น ร่วมกับมีการอ้างอิงงานทางวิชาการที่เกี่ยวข้องอื่น ไม่ใช้การอธิบายโดยไม่มีหลักการ งานวิจัยอ้างใด ๆ
- บทสรุป (Conclusions) เขียนสรุปสิ่งที่ได้ดำเนินการและแสดงให้เห็นความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การวิจัย จากข้อมูลของผลการศึกษาและการอภิปราย ผู้เขียนสามารถแสดงทัศนะทางวิชาการของตนได้ไว้ มีลำดับของเนื้อหาทั้งส่วนนำเนื้อหาและบทสรุปที่เหมาะสมและอ่านเข้าใจได้ง่าย
- องค์ความรู้ใหม่จากการวิจัย (New knowledge from research) เขียนแสดงองค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัย เป็นองค์ความรู้ใหม่ หรือสิ่งใหม่ที่ได้จากการวิจัย อาจแสดงในรูปแบบตาราง แผนภาพ หรือโมเดลก็ได้ พร้อมทั้งคำอธิบายประกอบ
- ข้อเสนอแนะจากการวิจัย (Suggestions) เขียนข้อเสนอแนะที่ได้จากการวิจัยพร้อมทั้งให้ข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยต่อไปในอนาคต
ส่วนเนื้อหาของบทความ (สำหรับ บทความวิชาการ)
- บทนำ (Introduction) เขียนแสดงที่มา ที่ไป ภูมิหลัง ความสำคัญ ขอบเขตของเรื่องที่ต้องการอธิบาย แสดงวัตถุประสงค์ และอาจให้ข้อมูลถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากบทความ โดยสามารถอ้างอิงเอกสารร่วมด้วยเพื่อเน้นย้ำในประเด็นของหัวข้อดังกล่าว
- เนื้อหา ผู้เขียนสามารถเขียนอธิบาย วิธีการ หลักการทฤษฎี วิธีการรวบรวมข้อมูล ข้อมูล และให้เหตุผล ของประเด็นที่เขียน โดยอาศัยตาราง รูปภาพ แผนภูมิ เพื่อประกอบคำอธิบายและอ้างอิงเอกสารร่วมด้วย โครงสร้างการเขียนสามารถเรียงลำดับหัวข้อตามความเหมาะสมของผู้เขียนอย่างเป็นลำดับ แต่ละหัวข้อมีความสมบูรณ์ในตนเอง ไม่ยาวไปหรือมากจนเกินไปจากสัดส่วนของบทความทั้งหมด
- บทสรุป (Conclusions) เขียนสรุปสิ่งที่ได้อธิบายความ ข้อดีข้อเสีย หรือเสริมส่วนที่ไม่ปรากฏในเนื้อหา หรือย้ำในสิ่งสำคัญของเรื่อง และ แนวทางการนำไปใช้ประโยชน์ต่อ หรือ ตัดสินความในประเด็นที่ปรากฏในงานเขียน อย่างไรก็ดีไม่ควรเขียนนอกเรื่องที่ไม่ปรากฏในบทความ
- องค์ความรู้ใหม่ (New knowledge) เขียนแสดงองค์ความรู้ที่ได้จากบทความวิชาการ เป็นองค์ความรู้ใหม่ หรือองค์ความรู้เชิงทฤษฎีโดยอาจเป็นข้อถกเถียงทางิวชาการ อาจแสดงในรูปแบบตาราง แผนภาพ หรือโมเดลก็ได้ พร้อมทั้งคำอธิบายประกอบ
การอ้างอิงและเอกสารอ้างอิง (Cite and References)
วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ใช้การอ้างอิงและเอกสารอ้างอิงแบบ ในรูปแบบการอ้างอิงแบบ APA7th โดยมีรายละเอียดดังนี้
การอ้างอิงสำหรับผู้เขียนบทความในรายการอ้างอิงแบบนามปี และรายการอ้างอิงท้ายบทความ วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ปริทัศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ได้กำหนดให้ผู้เขียนใช้รูปแบบการอ้างอิงแบบ APA หรือ (American Psychological Association) Version 7 โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. การอ้างอิงในเนื้อหา
การเขียนบรรณานุกรมแบบ APA 7th เป็นรูปแบบการเขียนอ้างอิงแบบนาม-ปี โดยการระบุชื่อผู้เขียนและตามด้วยปีที่เขียน ดังนี้
กรณีภาษาไทยให้ใช้ ชื่อ นามสกุล (ปีพิมพ์) หรือ องค์กร (ปีที่พิมพ์) เช่น ณัฐพงษ์ คันธรส (2568) หรือกรณีผู้เขียน 2 คน เช่น ณัฐพงษ์ คันธรส และตุลาภรณ์ แสนปรน (2568) กรณีผู้เขียนมากกว่า 3 คน ให้ใช้ชื่อ นามสกุลคนแรก และคณะ เช่น ณัฐพงษ์ คันธรส และคณะ (2568) เป็นต้น
กรณีที่เป็นชาวต่างชาติใช้ นามสกุล (ปีที่พิมพ์) เช่น Charla (2024)
2. หนังสือ
กรณีผู้เขียน 1 คน ได้แก่ ชื่อ นามสกุลผู้แต่ง./(ปีพิมพ์)./ชื่อเรื่อง (ตัวเอียง)/(พิมพ์ครั้งที่)./สำนักพิมพ์.
กรณีผู้เขียน 2 คน ได้แก่ ชื่อ นามสกุลผู้แต่งคนที่ 1 และชื่อ นามสกุลผู้แต่งคนที่ 2./(ปีพิมพ์)./ชื่อเรื่อง/(พิมพ์ครั้งที่)./สำนักพิมพ์.
กรณีที่ผู้เขียน 3-6 คน ให้ใส่ชื่อผู้แต่ง ครบทุกคน เช่น ชื่อ นามสกุลผู้แต่งคนที่ 1 - คนที่ 6./(ปีพิมพ์)./ชื่อเรื่อง(ตัวเอียง)/(พิมพ์ครั้งที่)./สำนักพิมพ์. กรณีที่มากกว่า 6 คนให้ใช้และคณะ
กรณีที่ผู้เขียนเป็นชาวต่างประเทศ ให้ใช้ชื่อสกุลก่อน
ตัวอย่าง กนกรัตน์ เลิศชูสกุล. (2563). จากมือตบถึงนกหวีด. อิลูมิเนชั่นส์ เอดิชันส์.
ตัวอย่าง Putnam, R. D. (2000). Bowling alone: The collapse and revival of American community. Simon & Schuster.
กรณีหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่มีเลข DOI ให้ผู้เขียนกำหนดเลข DOI ในการอ้างอิง
ตัวอย่าง Chu, Z. (2022). People-Oriented Education Transformation. https://doi.org/10.1007/978-981-16-6353-6
3. วิทยานิพนธ์
ชื่อ นามสกุล./(ปีที่เผยแพร่)./ชื่อวิทยานิพนธ์(ตัวเอียง)/[วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิตไม่ได้ตีพิมพ์หรือ
วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิตไม่ได้ตีพิมพ์]./ชื่อมหาวิทยาลัย. (กรณีเป็นรูปเล่ม)
ตัวอย่าง อรทัย สุขจ๊ะ. (2568). การเขียนรายการอ้างอิงในวารสารทางวิชาการ.[วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง.
ชื่อ นามสกุล./(ปีที่เผยแพร่)./ชื่อวิทยานิพนธ์(ตัวเอียง)/[วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิตวิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต]./ชื่อมหาวิทยาลัย. (กรณีไม่ได้ตีพิมพ์ หรือเป็นเอกสารออนไลน์)
ตัวอย่าง อรทัย สุขจ๊ะ. (2568). การเขียนรายการอ้างอิงในวารสารทางวิชาการ.[วิทยานิพนธ์ปริญญา
ดุษฎีบัณฑิตไม่ได้ตีพิมพ์]. มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง
4. วารสาร
วารสารแบบเล่ม
ชื่อผู้แต่ง./(ปีพิมพ์)./ชื่อบทความ./ชื่อวารสาร (ตัวเอียง),/เลขของปีที่ (ตัวเอียง)/(เลขของฉบับที่),/เลขหน้า.
ตัวอย่าง อรทัย ก๊กผล. (2563). การบริหารจัดการเมืองน่าอยู่: บทเรียนจากเทศบาลในประเทศไทย. วารสารรัฐประศาสนศาสตร์, 18(2), 45–68.
ตัวอย่าง Kunpluem, P. (2023). Smart city management in local administrativeorganizations. Sripatum Chonburi Academic Journal, 20(1), 15–28.
วารสารออนไลน์ (กรณีมีเลข DOI ใช้เลข DOI และไม่มีเลข DOI ใช้ URL)
ชื่อผู้แต่ง./(ปีพิมพ์)./ชื่อบทความ./ชื่อวารสาร,/เลขของปีที่/(เลขของฉบับที่),/เลขหน้า.https://www.xxxxxxxxx หรือเลข DOI
ตัวอย่าง อรทัย ก๊กผล. (2563). การบริหารจัดการเมืองน่าอยู่: บทเรียนจากเทศบาลในประเทศไทย. วารสารรัฐประศาสนศาสตร์, 18(2), 45–68. https://doi.org/xxxx
5. รายงานประชุมทางวิชาการ
ชื่อ นามสกุล./(วัน,/เดือน/ปี)./ชื่อเอกสาร หรือโปสเตอร์ (ตัวเอียง)/[เอกสารนำเสนอในที่ประชุม หรือ โปสเตอร์นำเสนอในที่ประชุม]./ชื่อการประชุม,/สถานที่.
6.หนังสือพิมพ์และหนังสือพิมพ์ออนไลน์
ชื่อผู้แต่ง./(วัน/เดือน/ปี)./ชื่อคอลัมน์./ชื่อหนังสือพิมพ์ (ตัวเอียง),/เลขหน้า.
ตัวอย่าง คอลัมนิสต์ใหม่. (21 กุมภาพันธ์ 2568). จับตาผลกระทบโควิดระลอกสามทำคนไทยหนี้ท่วม. ไทยรัฐ. 2.
7. เว็บไซต์
ชื่อ นามสกุลผู้เขียน./(วัน/เดือน/ปีที่เผยแพร่)./ชื่อบทความ(ตัวเอียง)./ชื่อเว็บไซต์./URL
Author, A. A./(Year, Month date)./Title of the work: Subtitle./Website name./URL
ตัวอย่าง ตุลาภรณ์ แสนปรน. (25 สิงหาคม 2567). ภาษาไทยวันละคำ. https://www.lpru.ac.th/ภาษาไทยวันละคำ
กรณีที่ไม่มีวันที่เผยแพร่ปรากฏ ให้ใส่ (ม.ป.ป.) หรือ (n.d.)
กรณีที่มีปรากฏเฉพาะ พ.ศ. หรือ ค.ศ. ให้ใส่แค่ (ปี) เท่านั้น
กรณีชื่อผู้เขียนและชื่อเว็บไซต์เป็นชื่อเดียวกัน ให้ตัดชื่อเว็บไซต์ออก
ที่มา:
American Psychological Association. (2020). Publication manual of the American Psychological
Association (7th ed.). https://doi.org/10.1037/0000165-000
สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยนเรศวร. (13 สิงหาคม 2568). การเขียนบรรณานุกรม รูปแบบ APA 7th.
https://www.nupress.grad.nu.ac.th/การเขียนบรรณานุกรม
นโยบายความเป็นส่วนตัว
วารสารมนุษศาสตร์และสังคมศาสตร์ปริทัศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของท่าน ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ชื่อและที่อยู่อีเมล หรือข้อมูลส่วนบุคคล ที่กรอกในเว็บไซต์วารสารนี้จะใช้สำหรับวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในงานวารสารเท่านั้นและจะไม่เปิดเผยเพื่อวัตถุประสงค์ในกิจกรรมอื่น ๆ หรือให้กับบุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดทราบ

