ปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจยุคใหม่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาของปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจยุคใหม่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2) เพื่อศึกษาวิเคราะห์สังเคราะห์แนวทางของปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจยุคใหม่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ 3) เพื่อเสนอแนะแนวทางปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจยุคใหม่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ประชากรที่เป็นกลุ่มตัวอย่างในภาคตะวันออกฉียงเหนือ จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่แบบสอบถาม
ผลการวิจัยพบว่า น้ำหนักเฉลี่ยด้านปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาทั้ง 3 ด้าน เท่ากับ 3.12 ค่า S.D. เท่ากับ 0.94 แปรผลได้ว่าอยู่ในระดับมาก ในขณะที่ด้านความทันสมัยและด้านการวางกลยุทธ์เป็นด้านที่มีน้ำหนักเฉลี่ยสูงที่สุด 2 อันดับแรกแปรผลได้ว่าอยู่ในระดับมาก ในขณะเดียวกันด้านการจัดการนวัตกรรมมีน้ำหนักเฉลี่ยต่ำที่สุดซึ่งแปรผลได้ว่าอยู่ในระดับปานกลาง
น้ำหนักเฉลี่ยด้านเศรษฐกิจ ทั้ง 3 ด้าน เท่ากับ 3.16 ค่า S.D. เท่ากับ 0.92 แปรผลได้ว่าอยู่ในระดับมาก ในขณะที่ด้านการค้าและด้านนักท่องเที่ยวเป็นด้านที่มีน้ำหนักเฉลี่ยสูงที่สุด 2 อันดับแรกแปรผลได้ว่าอยู่ในระดับมาก ในขณะเดียวกันด้านการเตรียมความพร้อมมีน้ำหนักเฉลี่ยต่ำที่สุดซึ่งแปรผลได้ว่าอยู่ในระดับมาก
ระดับปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจยุคใหม่มีน้ำหนักเฉลี่ยทั้ง 5 ด้าน เท่ากับ 3.16 ค่า S.D. เท่ากับ 0.92 แปรผลได้ว่าอยู่ในระดับมาก ในขณะที่ด้านปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนารายได้มีน้ำหนักเฉลี่ยสูงที่สุดแปรผลได้ว่าอยู่ในระดับมาก รองลงมาคือด้านการขยายผลแปรผลได้ว่าอยู่ในระดับมาก ด้านการกำกับดูแลแปรผลได้ว่าอยู่ในระดับมาก และด้านสังคมแปรผลได้ว่าอยู่ในระดับมาก ตามลำดับ ส่วนด้านการประเมินผลมีน้ำหนักเฉลี่ยต่ำที่สุดซึ่งแปรผลได้ว่าอยู่ในระดับมาก
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial 4.0 International License.
References
เกศสุดา สิทธิสันติกุล และคณะ. (2562). โอกาสการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากสู่ความยั่งยืน. วารสารวิชาการวิทยาลัยบริหารศาสตร์, 2(4), 61-71.
กัลยา วานิชย์บัญชา.(2560). การวิเคราะห์สถิติชั้นสูงด้วย SPSS for Window (พิมพ์ครั้งที่ 12). กรุงเทพฯ: สามลดา.
จีระชัย พันธฤทธิ์ และพภัสสรณ์ วรภัทร์ถิระกุล. (2565). การจัดการความพร้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อรองรับการเข้าสู่เขตเศรษฐกิจพิเศษของจังหวัดบึงกาฬ. วารสาร มจร พุทธปัญญาปริทรรศน์, 7(3), 306-319.
ณัฐธิญา ราชธิสาร และวีณา ลีลาประเสริฐศิลป์. (2564). ปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย. การประชุมวิชาการระดับนานาชาติ ด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ครั้งที่ 2 . คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ.
ธัศฐ์ชาพัฒน์ ยุกตานนท์. (2562). พุทธจริยศาสตร์: ทางเลือกของการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่น. วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์ มจร., 6(ฉบับพิเศษ), 624-634.
ธัศฐ์ชาพัฒน์ ยุกตานนท์. (2565). กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทโดยพุทธสันติวิธี ของศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง (ดุษฎีนิพนธ์พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต).มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
ธัศฐ์ชาพัฒน์ ยุกตานนท์. (2565). การศึกษาเรื่องปัจจัยที่มีผลต่อผลสัมฤทธิ์ของการเรียนการสอนแบบออนไลน์ภายใต้สถานการณ์การแพร่ของเชื้อไวรัส COVID-19. วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์ มจร., 10(2), 509-522.
พระครูใบฎีกาวิชาญ วิสุทโธ และภักดี โพธิ์สิงห์. (2565). การขับเคลื่อนตลาดนัดชุมชนสู่การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก. วารสารมหาจุฬาคชสาร, 13(2), 1-14.
สุนันทา คันธานนท์. (2565). การพัฒนาอาชีพส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในอันดามัน. วารสารสังคมศาสตร์และมานุษยวิทยาเชิงพุทธ, 7(11), 54-70.
DOH กรมอานามัย. (2565). ประชากรทะเบียนราษฎร์ จำแนกรายเพศ ปีงบประมาณ 2565. สืบค้นวันที่
กรกฎาคม 2565, จาก http://dashboard.anamai.moph.go.th/population/pop-all/?year=2022
Yamane, T. (1973). Statistics: An Introductory Analysis. 3rdEd. New York: Harper and Row Publications.