การมีส่วนร่วมของประชาชนในการบริหารจัดการการท่องเที่ยวเชิงพุทธตาม หลักอปริหานิยธรรม 7 ในอำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี
คำสำคัญ:
การมีส่วนร่วมของประชาชน, การท่องเที่ยวเชิงพุทธ, หลักอปริหานิยธรรมบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับการมีส่วนร่วมของประชาชน 2) หาความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารจัดการการท่องเที่ยวเชิงพุทธตามหลักอปริหานิยธรรมของวัดกับการมีส่วนร่วมของประชาชน และ 3) หาแนวทางการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการบริหารจัดการการท่องเที่ยวเชิงพุทธ ในอำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี โดยการแจกแบบสอบถามที่มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ .990 กับกลุ่มตัวอย่าง จากการเปิดตารางของ Krejcei & Morgan จำนวน 372 คน สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ให้ข้อมูลสำคัญที่ถูกเลือกแบบเจาะจง จำนวน 15 รูป/คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง ผลการวิจัย พบว่า 1) การมีส่วนร่วมของประชาชนในการบริหารจัดการการท่องเที่ยวเชิงพุทธในอำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี โดยภาพรวม อยู่ในระดับน้อย ( = 2.34, S.D. = 1.11) เมื่อพิจารณาในรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับน้อยทุกข้อ 2) การบริหารจัดการการท่องเที่ยวเชิงพุทธตามหลักอปริหานิยธรรมของวัดกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในการบริหารจัดการการท่องเที่ยวเชิงพุทธในอำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี มีความสัมพันธ์เชิงบวกในระดับสูงมาก (r = 0.907) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และ 3) แนวทางในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน คือ 3.1) สร้างทัศนคติที่ดีต่อการมีส่วนร่วมให้กับประชาชนด้วยการอนุเคราะห์ต่อชุมชน (มวลชนสัมพันธ์) 3.2) สร้างสรรค์กิจกรรม โดยจัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงพุทธอย่างต่อเนื่อง จริงจัง 3.3) สร้างทีมและการมีส่วนร่วม 3.4) ผลประโยชน์ ต้องมีการบูรณาการร่วมกันระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม 3.5) บริหารจัดการการท่องเที่ยวเชิงพุทธด้วยหลักอปริหานิยธรรม 3.6) ประเมินผลสม่ำเสมอ
References
กรมทรัพยากรน้ำ. (2557). การมีส่วนร่วมของประชาชน. สาระสารสอน, 2(3), 3.
เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์. (2550). การมีส่วนร่วมของประชาชนต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาลด้านการบริการจัดหางาน. กรุงเทพฯ : กองแผนงานและสารสนเทศ กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน.
พระครูพิจิตรวรเวท, พระอุดมสิทธินายก, พระปลัดระพิน พุทฺธิสาโร, และพระมหาสุเมฆ สมาหิโต. (2565). การมีส่วนร่วมของวัดและชุมชนในการอนุรักษ์ประเพณีการแข่งขันเรือยาว จังหวัดพิจิตร. วารสารวิจยวิชาการ, 5(2), 1-14.
พระครูสังฆรักษ์วุฒิพงษ์ วุฑฺฒิวํโส. (2561). รูปแบบการพัฒนาวัดในประเทศไทยเป็นแหล่งเรียนรู้เชิงพุทธ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอาเซียน. (ดุษฎีนิพนธ์พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาพุทธบริหารการศึกษา). บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย.
พระมหาพงศกร ฐิตญาโณ (มะลิลา), พระครูนิวิฐศิลขันธ์ และพระราชรัตนเวที. (2564). ประสิทธิผลการขับเคลื่อนโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข ตามแนวทาง 5ส ของวัดในอำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์. วารสารวิจยวิชาการ, 4(4), 1-13.
พระมหามงคล ฐานิสฺสโร (หวังนอก) และซิสิกกา วรรณจันทร์. (2562). การจัดการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมเชิงศาสนาภายในวัดของชุมชนภาคอีสานตอนล่าง. วารสารบัณฑิตวิทยาลัย พิชญทรรศน์, 14(2), 105-112.
พระแมนรัตน์ จตฺตมโล, พระสมุทรวชิรโสภณ และพระครูวาทีวรวัฒน์. (2562). การพัฒนาวัดเพื่อการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสาคร. วารสารสหวิทยาการนวัตกรรม, 2(2), 24-33.
พระศรีสุทธิพงศ์ (สมส่วน ปฏิภาโณ). (2564). การจัดการมรดกโลกโดยการมีส่วนร่วมของพระสงฆ์และประชาชนเพื่อการท่องเที่ยวเชิงพุทธ. วารสารบัณฑิตศึกษาปริทรรศน์ วิทยาลัยสงฆ์นครสวรรค์, 9(1), 57-70.
พระสาธิต ฐิตวีริโย (สุดเทศ), พระครูนิวิฐศีลขันธ์ และพระราชรัตนเวที. (2562). การมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดการท่องเที่ยวในตำบลฬ่อ อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร. วารสารวิจยวิชาการ, 2(3), 99-112.
วันชัย วัฒนศัพท์ และคณะ. (2551). คู่มือการมีส่วนร่วมของประชาชน การตัดสินใจที่ดีกว่าโดยให้ชุมชนมีส่วนร่วม. ขอนแก่น : โรงพิมพ์ศิริภัณฑ์ ออฟเซ็ท.
Krejcie, R. V. & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607-610.

Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงพิมพ์กับ Journal of Education and Social Agenda ถือเป็นข้อคิดเห็น และความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
2. บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน Journal of Education and Social Agenda ถือเป็นลิขสิทธิ์ของJournal of Education and Social Agenda หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง ส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อการกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Journal of Education and Social Agenda ก่อนเท่านั้น