https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jsdrp/issue/feed วารสารพิพัฒนสังคม 2025-04-17T10:48:21+07:00 วารสารพิพัฒนสังคม (Journal of Social Development Research and Practice) jsdrp.psu@gmail.com Open Journal Systems <p><strong>วารสารพิพัฒนสังคม (Journal of Social Development Research and Practice)</strong></p> <p><strong>ISSN: 3027-8430 (Online)</strong></p> <p>วารสารพิพัฒนสังคม สังกัดคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์</p> <p><strong>ขอบเขตเนื้อหา<br /></strong>วารสารพิพัฒนสังคม มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการ งานวิจัย และผลงานสร้างสรรค์ด้านพัฒนศาสตร์และสาขาที่เกี่ยวข้องกับสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ในเชิงเศรษฐกิจ บริหารธุรกิจ การเมือง สารสนเทศศาสตร์ สุขภาวะทางกาย จิต และสังคม และสาขาที่เกี่ยวข้อง สำหรับผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการ คณาจารย์ นักศึกษา และผู้สนใจโดยทั่วไปและเพื่อเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางวิชาการอันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาชุมชน ท้องถิ่นและสังคม</p> <p><strong>กำหนดการจัดพิมพ์เผยแพร่ <br /></strong>ปีละ 3 ฉบับ (จำนวน 5-7 บทความ/ฉบับ)<br />ฉบับที่ 1 (มกราคม – เมษายน) <br />ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม – สิงหาคม)<br />ฉบับที่ 3 (กันยายน – ธันวาคม)</p> <p><strong>ประเภทของบทความที่เปิดรับ<br /></strong>บทความวิจัย (Research article)<br />บทความปริทัศน์ (Review article)<br />บทวิจารณ์หนังสือ (Book review)<strong><br /></strong></p> <p><strong>การพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ<br /></strong>บทความทุกเรื่องจะได้รับการตรวจอ่านโดยผู้ทรงคุณวุฒิ แบบ Double Blind Peer Review จำนวน 3 ท่าน ต่อ บทความ เพื่อให้สอดคล้องกับประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2564 ลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 </p> <p><strong>การส่งต้นฉบับ</strong><br />ส่งไฟล์ต้นฉบับบทความ (Submission) ทางออนไลน์ ที่เว็บไซต์วารสารบนระบบ ThaiJO ของ TCI <br /><a href="https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jsdrp">https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jsdrp</a></p> <p><strong>ค่าธรรมเนียมตีพิมพ์</strong><br />วารสารพิพัฒนสังคมไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์</p> <p><strong>ข้อมูลเพิ่มเติม</strong><br />กรุณาติดต่อ ที่อีเมล jsdrp.psu@gmail.com</p> https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jsdrp/article/view/1707 บทบรรณาธิการ 2025-04-13T16:18:30+07:00 วารสารพิพัฒนสังคม Journal of Social Development Research and Practice jsdrp.psu@gmail.com 2025-04-13T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 วารสารพิพัฒนสังคม https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jsdrp/article/view/1708 สารบัญ 2025-04-13T16:23:18+07:00 วารสารพิพัฒนสังคม Journal of Social Development Research and Practice jsdrp.psu@gmail.com 2025-04-13T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 วารสารพิพัฒนสังคม https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jsdrp/article/view/1146 แนวทางการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุในชุมชนบ้านโคกสักออก หมู่ที่ 4 ตำบลโคกม่วง อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา 2024-09-13T23:10:57+07:00 อัศวลักษ์ ราชพลสิทธิ์ atsawaluk2020@gmail.com <p><strong>วัตถุประสงค์:</strong> เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาการดำเนินงานชุมชน และนำเสนอแนวทางการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุในชุมชนบ้านโคกสักออก หมู่ที่ 4 ตำบลโคกม่วง อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา</p> <p><strong>วิธีการศึกษา:</strong> เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ แบบกรณีศึกษา จากกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง จำนวน 15 ราย ได้แก่ คณะกรรมการชมชนผู้สูงอายุ ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ตัวแทนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) บ้านโคกม่วง เก็บรวบรวมข้อมูลโดยวิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก และการสังเกตแบบมีส่วนร่วม</p> <p><strong>ข้อค้นพบ:</strong> สถานการณ์ปัญหาการดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุในชุมชนบ้านโคกสักออก หมู่ที่ 4 ตำบลโคกม่วง อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา จำแนกได้ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มติดบ้าน ติดเตียง และติดสังคม ซึ่งประสบปัญหาเกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน เป็นส่วนใหญ่ จากบริบทของชุมชนที่มีลักษณะกึ่งเมืองกึ่งชนบททำให้มีผลกระทบต่อการเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มผู้สูงอายุ เนื่องจากสมาชิกที่ดูแลผู้สูงอายุต้องเดินทางออกนอกชุมชนเพื่อไปประกอบอาชีพ และพบว่าหน่วยงานยังขาดแผนการดำเนินการร่วมกันอย่างบูรณาการโดยชุมชนได้มีการนำเสนอแนวทางการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุตามหลัก 3 ป. ได้แก่ ป. 1 คือ ปรับพฤติกรรม ป. 2 ปรับสภาพแวดล้อมทางสังคม และ ป. 3 ปรับสภาพแวดล้อมทางกายภาพ</p> <p><strong>การประยุกต์ใช้จากการศึกษานี้:</strong> สามารถนำผลการวิจัยไปพัฒนาหรือสร้างแนวทางการสร้างเสริมสุขภาพเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในชุมชนบ้านโคกสักออก และมีข้อมูลที่สามารถนำไปใช้เพื่อสร้างเครื่องมือต่อยอดการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่จะนำไปสู่การสร้างกระบวนการจัดการเรียนรู้ให้กับบุคลากรของชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ภายใต้การมีส่วนร่วมและการขับเคลื่อนงานอย่างบูรณาการ</p> 2025-04-13T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 วารสารพิพัฒนสังคม https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jsdrp/article/view/1188 ตาพรานบุญ: ความเชื่อ พิธีกรรม และการสืบทอด กรณีศึกษา คณะมโนราห์ธีระศักดิ์ บัณฑิตศิลป์ ศ.เสียน ตรัง ตำบลหนองบ่อ อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง 2024-10-09T22:09:18+07:00 ขวัญจิรา สุนทรนนท์ 6411215040@nstru.ac.th ศิริพร สุโสะ 6411215010@nstru.ac.th เชษฐา มุหะหมัด chettha_muh@nstru.ac.th พงศ์ประสิทธิ์ อ่อนจันทร์ pongprasit_onc@nstru.ac.th สุธิรา ชัยรักษา เงินถาวร sutira_cha@nstru.ac.th <p><strong>วัตถุประสงค์:</strong> 1) เพื่อศึกษาประวัติความเป็นมาของตาพรานบุญ 2) เพื่อศึกษาความเชื่อและพิธีกรรมของตาพรานบุญ และ 3) เพื่อศึกษาการสืบทอดความเชื่อและพิธีกรรมของตาพรานบุญ กรณีศึกษาคณะมโนราห์ธีระศักดิ์ บัณฑิตศิลป์ ศ.เสียน ตรัง ตำบลหนองบ่อ อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง</p> <p><strong>วิธีการศึกษา:</strong> ผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้ให้ข้อมูลสำคัญจำนวน 10 คน เริ่มด้วยการจัดระบบข้อมูล แยกประเภทข้อมูลตามประเด็นกรอบแนวคิดที่ใช้ในการวิจัย และทำความเข้าใจกับข้อมูลที่รวบรวมมา หลังจากที่เก็บข้อมูลผู้วิจัยจะบันทึกอย่างละเอียดแล้วจึงเขียนวิจัยฉบับสมบูรณ์แบบพรรณนา</p> <p><strong>ข้อค้นพบ:</strong> ตาพรานบุญเป็นบรรพบุรุษเชื้อสายมโนราห์ซึ่งล่วงลับไปแล้ว มีข้อสันนิษฐานและความเชื่อว่า ความเป็นมาของตาพรานบุญมีต้นกำเนิดจากวัดท่าแค ตำบลท่าแค อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง และไม่ทราบถึงผู้สืบทอดตาพรานบุญคนแรกมีเพียงความเชื่อและพิธีกรรมของตาพรานบุญที่ได้ปฏิบัติสืบทอดต่อเนื่องกันมา ความเชื่อต่อตาพรานบุญเป็นความเชื่อถูกสืบทอด ซึ่งเกิดมาจากความรัก ความศรัทธา และความเคารพต่อพรานบุญ การสืบทอดความเชื่อและพิธีกรรมสามารถสืบทอดได้ในฐานะลูกหลานและในฐานะลูกศิษย์</p> <p><strong>การประยุกต์ใช้จากการศึกษานี้:</strong> เกิดการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมความเชื่อ ความศรัทธา พิธีกรรม และการสืบทอดเกี่ยวกับตาพรานบุญ อีกทั้งทำให้ชุมชนตำบลหนองบ่อ อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง มีผู้คนสนใจที่ต้องการจะศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับตาพรานบุญทำให้ความเชื่อและพิธีกรรมของตาพรานบุญยังคงอยู่คู่กับชุมชนต่อไป</p> 2025-04-13T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 วารสารพิพัฒนสังคม https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jsdrp/article/view/1218 ความสัมพันธ์ระหว่างการมีเพื่อนดื่มกับพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: การวิเคราะห์อภิมานงานวิจัยในประเทศไทย 2024-11-01T21:58:18+07:00 กันยปริณ ทองสามสี kanyaprin.s@psu.ac.th อิสระ ทองสามสี Issara.th@skru.ac.th <p><strong>วัตถุประสงค์:</strong> เพื่อวิเคราะห์อภิมานหาค่าดัชนีมาตรฐาน ความสัมพันธ์ระหว่างการมีเพื่อนดื่มกับพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทย ช่วงปี พ.ศ. 2556-2565 และเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างค่าดัชนีมาตรฐานของการมีเพื่อนดื่มกับพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทยตามตัวแปรคุณลักษณะงานวิจัย</p> <p><strong>วิธีการศึกษา:</strong> วิเคราะห์อภิมานตามวิธีการของ Rosenthal &amp; Hedges ประชากรคือ ผลงานวิจัยจำนวน 19 เรื่อง ที่ได้ตามขั้นตอน PRISMA 2020 เจาะจงงานวิจัยที่มีค่าสถิติเพียงพอสำหรับการวิเคราะห์อภิมาน และผ่านการประเมินคุณภาพงานวิจัย เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วยแบบประเมินคุณภาพงานวิจัย และแบบสรุปคุณลักษณะงานวิจัยที่ผ่านการประเมินความตรงเชิงเนื้อหา วิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรม Jamovi, MAJOR-Meta-Analysis for JAMOVI และโปรแกรม R</p> <p><strong>ข้อค้นพบ:</strong> งานวิจัยส่วนใหญ่เผยแพร่ระหว่าง พ.ศ. 2561-565 ผลการวิเคราะห์อภิมานมีความแตกต่างของผลจากรายงานวิจัย และไม่มีอคติจากการตีพิมพ์ ค่าดัชนีมาตรฐานพบความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างการมีเพื่อนดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (r = .40, p &lt; .001) และไม่พบความแตกต่างของค่าดัชนีมาตรฐานความสัมพันธ์ตามตัวแปรคุณลักษณะงานวิจัย</p> <p><strong>การประยุกต์ใช้จากการศึกษานี้:</strong> ผลการวิจัยที่บ่งชี้ว่ายิ่งมีเพื่อนดื่มมากขึ้นพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ดังนั้นหากต้องการให้ประชาชนคนไทยลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามแผนปฏิบัติการด้านควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับชาติ ระยะที่ 2 สามารถดำเนินการได้ด้วยการลดหรือยกเลิกการใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงานสังสรรค์ และส่งเสริมการทำกิจกรรมที่ไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวข้อง </p> 2025-04-13T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 วารสารพิพัฒนสังคม https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jsdrp/article/view/1335 ความคาดหวังต่อการจัดสวัสดิการด้านสุขภาพของพระสงฆ์ในวัดเขตสาทร กรุงเทพมหานคร 2024-12-14T10:12:53+07:00 สุคนธ์ มั่นคงวาจา sukol.sm@gmail.com วิไลลักษณ์ อยู่สำราญ wilailakyoosamran@gmail.com <p><strong>วัตถุประสงค์:</strong> มุ่งศึกษาความคาดหวังการจัดสวัสดิการด้านสุขภาพของพระสงฆ์ต่อวัดในเขตสาทร กรุงเทพมหานคร มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาระดับความคาดหวังของพระสงฆ์ต่อการจัดสวัสดิการสุขภาพ และ (2) ศึกษาเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยกับคาดหวังการจัดสวัสดิการสุขภาพของพระสงฆ์ต่อการจัดสวัสดิการสุขภาพของวัดในเขตสาทร กรุงเทพมหานคร</p> <p><strong>วิธีการศึกษา:</strong> เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ จากกลุ่มตัวอย่างพระสงฆ์ในเขตสาทร กรุงเทพมหานคร จำนวน 170 รูป ผ่านแบบสอบถามความคาดหวังการจัดสวัสดิการด้านสุขภาพ โดยวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการทดสอบ t-tests และ F-tests โดยกำหนดค่านัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p> <p><strong>ข้อค้นพบ:</strong> พระสงฆ์ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 21-30 ปี (ร้อยละ 37.10) และมีระยะพรรษา 1-10 ปี (ร้อยละ 62.40) โดยส่วนใหญ่ไม่มีตำแหน่งทางคณะสงฆ์ (ร้อยละ 89.40) และภูมิลำเนาส่วนใหญ่มาจากภาคเหนือ (ร้อยละ 28.20) ระดับความคาดหวัง พบว่า (1) พระสงฆ์มีความคาดหวังต่อการจัดสวัสดิการสุขภาพมากที่สุดในด้านการรักษาสุขภาพ (x̄ = 4.22, S.D. = 0.595) รองลงมาอยูในระดับมาก ได้แก่ การส่งเสริมสุขภาพ (x̄ = 4.19, S.D. = 0.528) การป้องกันสุขภาพ (x̄ = 4.19, S.D. = 0.581) และด้านการฟื้นฟูสุขภาพ (x̄ = 4.11, S.D. = 0.632) (2) ระดับการศึกษาแผนกสามัญศึกษา (sig = .026) และแผนกบาลี (sig = .038) ที่แตกต่างกันมีความคาดหวังแตกต่างกัน และเมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ระดับการศึกษาแผนกสามัญศึกษาของพระสงฆ์ที่แตกต่างกัน มีความคาดหวังด้านการป้องกันสุขภาพ การรักษาสุขภาพ (sig = .026) และการฟื้นฟูสุขภาพ (sig = .012) แตกต่างกัน และพระสงฆ์ที่เปรียญธรรมที่แตกต่างกัน มีความคาดหวังด้านการป้องกันสุขภาพ (sig = .015) แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p> <p><strong>การประยุกต์ใช้จากการศึกษานี้:</strong> ผลการวิจัยสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนานโยบายและแผนการจัดสวัสดิการสุขภาพสำหรับพระสงฆ์ในเขตสาทรและพื้นที่อื่น ๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดระบบสวัสดิการสุขภาพที่มีความครอบคลุม เท่าเทียม และตอบสนองต่อความต้องการของพระสงฆ์ได้อย่างแท้จริง</p> 2025-04-13T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 วารสารพิพัฒนสังคม https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jsdrp/article/view/1173 การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงภาพด้วย Power BI 2025-01-09T14:30:48+07:00 รุสนียา เหล็บหนู 6520210003@email.psu.ac.th วริยา อินสุวรรณ์ 6520210004@psu.ac.th <p>การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงภาพด้วย Power BI เป็นผลงานเขียนของ ธวัชชัย ตั้งอุทัยเรือง พิมพ์ครั้งที่ 1 ปี พ.ศ. 2563 จำนวน 1,000 เล่ม โดยศูนย์บริการสื่อและสิ่งพิมพ์ กราฟฟิคไซท์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กรุงเทพฯ หนังสือเล่มนี้นำเสนอหลักการใช้งานและแนวทางการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงภาพเบื้องต้นด้วยโปรแกรมมาตรฐานที่จะพัฒนาความรู้ความเข้าใจหลักการทำงานวิเคราะห์กับโปรแกรม Power BI อย่างเป็นขั้นตอน ผู้เขียนได้แบ่งเนื้อหาออกเป็น 8 บท (ไม่รวมบทนำและบทท้าย) มีจำนวน 281 หน้า</p> 2025-04-13T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 วารสารพิพัฒนสังคม