https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jimba_journal/issue/feed วารสารนวัตกรรมการจัดการและบริหารธุรกิจ 2025-05-08T14:10:16+07:00 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชรินทร์ญา หวังวัชรกุล charinya.wan@lru.ac.th Open Journal Systems <p><strong>วารสารนวัตกรรมการจัดการและบริหารธุรกิจ<br />Journal of Innovative Management and Business Administration (JIMBA)<br />ISSN</strong> : 3027-8139 (Online)</p> <p><strong>กำหนดออก</strong> : 2 ฉบับต่อปี ฉบับที่ 1 มกราคม – มิถุนายน และฉบับที่ 2 กรกฎาคม – ธันวาคม<br /><strong>นโยบายและขอบเขตการตีพิมพ์</strong> : วารสารฯ มีนโยบายรับตีพิมพ์บทความวิจัย บทความวิชาการ และบทความปริทัศน์ ในกลุ่มสังคมศาสตร์ สาขาต่าง ๆ ได้แก่ ด้านบริหารธุรกิจ การจัดการ การบัญชี เศรษฐศาสตร์ การท่องเที่ยวและการบริการ นิเทศศาสตร์ เทคโนโลยีสื่อสารมวลชน การตลาด คอมพิวเตอร์ธุรกิจ โลจิสติกส์และซัพพลายเชน และสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง</p> https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jimba_journal/article/view/1057 การจัดเส้นทางการขนส่งสินค้าโดยใช้วิธีฮิวริสติกส์อัลกอริทึ่มแบบประหยัด กรณีศึกษา : ร้าน ABC จำหน่ายวัสดุก่อสร้าง 2024-10-25T13:35:04+07:00 ธิติมา ไวพา radasa.net@lru.ac.th รดาศา เนตรแสงสี radasa.net@lru.ac.th <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อประยุกต์ใช้วิธีฮิวริสติกส์อัลกอริทึ่มแบบประหยัดในการจัดเส้นทางการขนส่ง กรณีศึกษา ร้าน ABC จำหน่ายวัสดุก่อสร้าง 2) เพื่อเปรียบเทียบผลการจัดเส้นทางแบบเดิมกับการจัดเส้นทางด้วยวิธีฮิวริสติกส์อัลกอริทึ่มแบบประหยัด กรณีศึกษา ร้าน ABC จำหน่ายวัสดุก่อสร้าง โดยใช้รูปแบบการวิจัยเชิงคุณภาพ (Interviews for Qualitative Research) ประชากรกลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้จัดการร้าน จำนวน 1 คน พนักงานธุรการ จำนวน 3 คน และพนักงานขับรถบรรทุก 6 ล้อ ประจำแต่ละคัน จำนวน 10 คน ของร้าน ABC จำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ด้วยการสัมภาษณ์กลุ่ม (Focus Group Discussion) โดยวิธีสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง (Structured Interview) เป็นวิธีสัมภาษณ์ที่มีการจัดเตรียมข้อคำถามไว้เป็นชุดคำถามที่สมบูรณ์ครอบคลุมประเด็นที่ต้องการ นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์โดยใช้วิธีฮิวริสติกส์อัลกอริทึ่มแบบประหยัด (A Savings Algorithm) และทำการเปรียบเทียบวิธีแบบเดิมกับวิธีแบบใหม่</p> <p> ผลการวิจัย พบว่า การจัดเส้นทางการขนส่งสินค้าแบบเดิม ใช้ระยะทางในการขนส่งรวมทั้งหมด 2,559 กิโลเมตร ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงรวมทั้งหมด 89,411.46 บาท แต่เมื่อใช้การจัดเส้นทางการขนส่งสินค้าด้วยการประยุกต์ใช้วิธีฮิวริสติกส์อัลกอริทึ่มแบบประหยัด (A Savings Algorithm) ในการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าจำนวน 20 คน โดยแบ่งออกเป็น 10 เส้นทาง เส้นทางละคู่ ใช้ระยะทางในการขนส่งรวมทั้งหมด 2,333 กิโลเมตร ลดลง 226 กิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 8.83 ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงรวมทั้งหมด 73.094.48 บาทต่อครั้ง ลดลง 16,316.98 บาทต่อครั้ง คิดเป็นร้อยละ 18.25 ซึ่งสามารถลดระยะทางในการขนส่งสินค้าให้มีระยะทางที่สั้นลง ทำให้ต้นทุนค่าน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง และส่งผลทำให้ผู้ประกอบการมีกำไรเพิ่มมากขึ้นจากการปรับปรุงเส้นทางการขนส่งสินค้า ซึ่งเป็นจริงและสอดคล้องตามที่ได้ตั้งสมมติฐานไว้</p> 2025-05-08T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jimba_journal/article/view/1224 ปัจจัยที่ส่งผลต่อความตั้งใจกลับมารับชมคอนเสิร์ตหมอลําซํ้าของนักท่องเที่ยว กลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) ในจังหวัดขอนแก่น 2024-10-25T18:26:49+07:00 รักษ์ขณีวรรณ นาหัวคน pantharee.k5@gmail.com ปัณฑารีย์ กุตัน pantharee.k5@gmail.com สุทธิพงษ์ วงศ์สมศรี pantharee.k5@gmail.com อภิวัฒน์ พัฒมณี pantharee.k5@gmail.com กิตติ์ธนทัต สุพรรณ์ pantharee.k5@gmail.com <p>การวิจัยเรื่องปัจจัยของแรงจูงใจที่ส่งผลต่อความตั้งใจกลับมารับชมคอนเสิร์ตหมอลำซ้ำของนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) ในจังหวัดขอนแก่น มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) ในจังหวัดขอนแก่น 2) เพื่อวิเคราะห์แรงจูงใจที่ส่งผลต่อการกลับมารับชมคอนเสิร์ตหมอลำซ้ำ ในการวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่างนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) ในจังหวัดขอนแก่น จำนวน 400 คน ผ่านวิธีการสุ่มแบบเจาะจง จากนั้นวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และทดสอบสมมติฐานด้วยสถิติเชิงอนุมาน ผลการวิจัย พบว่า พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) ในจังหวัดขอนแก่นมีความถี่ในการรับชมหมอลำทุกครั้งที่มีโอกาส จำนวน 127 คน คิดเป็นร้อยละ 31.8 ในด้านปัจจัยแรงจูงใจที่ส่งผลต่อความตั้งใจเชิงพฤติกรรมต่อการกลับมารับชมคอนเสิร์ตหมอลำซ้ำ พบว่า โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.25 และความตั้งใจเชิงพฤติกรรมต่อการกลับมารับชมคอนเสิร์ตหมอลำซ้ำ พบว่า โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.31 ในขณะที่การวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ (Regression) ด้วยวิธี Stepwise พบว่า ปัจจัยผลักดันด้านต้องการหลีกหนีความจำเจในชีวิตประจำวัน ปัจจัยดึงดูดด้านความเหมาะสมด้านราคาและความคุ้มค่าของค่าใช้จ่ายในการชมหมอลำ ปัจจัยดึงดูดด้านภาพลักษณ์และชื่อเสียงของวงหมอลำที่แสดงปัจจัยดึงดูดด้านความสะดวกในการเดินทางไปรับชมหมอลำ และปัจจัยดึงดูดด้านความน่าสนใจของวัฒนธรรมผ่านการแสดงหมอลำ มีความสัมพันธ์ต่อความตั้งใจเชิงพฤติกรรมต่อการกลับมารับชมคอนเสิร์ตหมอลำซ้ำของนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) ในจังหวัดขอนแก่น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05</p> 2025-05-09T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jimba_journal/article/view/1252 ปัจจัยที่มีผลต่อการรับรู้แบรนด์ของร้านมิสเตอร์ดี.ไอ.วายในประเทศไทย 2024-11-20T12:13:19+07:00 กุลวดี บุญช่วย bunchuay_k@silpakorn.edu <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาระดับความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีต่อการความผูกพันกับลูกค้า ทัศนคติที่มีต่อแบรนด์ การเปิดรับแบรนด์ การสื่อสารแบบปากต่อปากทางอิเล็กทรอนิกส์ และการรับรู้แบรนด์ 2) เพื่อศึกษาอิทธิพลของการความผูกพันกับลูกค้า ทัศนคติที่มีต่อแบรนด์ การเปิดรับแบรนด์ ที่ส่งผลต่อการสื่อสารแบบปากต่อปากทางอิเล็กทรอนิกส์ 3) เพื่อศึกษาอิทธิพลของการสื่อสารแบบปากต่อปากทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่ส่งผลต่อการรับรู้แบรนด์ ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้ข้อมูลปฐมภูมิ กลุ่มตัวอย่างเป็นลูกค้าของร้านมิสเตอร์ดี.ไอ.วาย. ซึ่งมีประสบการณ์ในการเลือกซื้อสินค้าและใช้บริการของทางร้าน จำนวน 400 คน ได้มาจากการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจงและการสุ่มตัวอย่างโดยใช้แบบสะดวก เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้ แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์เพียร์สัน และการวิเคราะห์การถดถอย</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีต่อการความผูกพันกับลูกค้า ทัศนคติที่มีต่อแบรนด์ การเปิดรับแบรนด์ การสื่อสารแบบปากต่อปากทางอิเล็กทรอนิกส์ และการรับรู้แบรนด์อยู่ในระดับมากที่สุด 2) ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า การความผูกพันกับลูกค้า ทัศนคติที่มีต่อแบรนด์ การเปิดรับแบรนด์ มีอิทธิพลเชิงบวกต่อการสื่อสารแบบปากต่อปากทางอิเล็กทรอนิกส์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3)การสื่อสารแบบปากต่อปากทางอิเล็กทรอนิกส์ มีอิทธิพลเชิงบวกต่อการรับรู้แบรนด์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01</p> 2025-05-10T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jimba_journal/article/view/1253 การตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าแฟชั่นสตรีผ่านแอปพลิเคชันติ๊กต็อก (TikTok) กรณีศึกษาผู้หญิงที่มี อายุ 18-25 ปี 2024-12-04T08:23:01+07:00 นลพรรณ วงศ์ทวีทรัพย์ poynonlapan@gmail.com <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อเปรียบเทียบการตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าแฟชั่นสตรีผ่านแอปพลิเคชัน<br />ติ๊กต็อก (TikTok) ที่จำแนกตามปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ 2) เพื่อเปรียบเทียบการตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าแฟชั่นสตรีผ่านแอปพลิเคชันติ๊กต็อก (TikTok) ที่จำแนกตามปัจจัยด้านพฤติกรรมผู้บริโภค และ 3) เพื่อศึกษาปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาดที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าแฟชั่นสตรีผ่านแอปพลิเคชันติ๊กต็อก (TikTok) ใช้รูปแบบการวิจัยเป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้หญิงอายุ 18-25 ปี ที่มีประสบการณ์ในการซื้อเสื้อผ้าแฟชั่นสตรีผ่านแอปพลิเคชันติ๊กต็อก (Tiktok) จำนวน 400 คน ได้มาจากเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบตามสะดวก เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และการวิเคราะห์การถดถอยแบบพหุคูณ</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า ส่วนประสมทางการตลาดและการตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าแฟชั่นสตรีผ่านแอปพลิเคชันติ๊กต็อก (TikTok) กรณีศึกษาผู้หญิงที่มี อายุ 18-25 ปี อยู่ในระดับมากที่สุด และส่วนประสมทางการตลาด ด้านราคา กระบวนการ และสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าแฟชั่นสตรีผ่านแอปพลิเคชันติ๊กต็อก (TikTok) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 นอกนั้นไม่แตกต่าง</p> 2025-05-10T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jimba_journal/article/view/1296 The Impact of Social Media Influencers on Gen Z's Online Fast-Fashion Purchasing Decisions in Ho Chi Minh City, Vietnam 2024-12-12T10:54:21+07:00 TRÌNH NGUYỄN gwyn.albert@gmail.com Untachai Untachai gwyn.albert@gmail.com Sawitri Boonmee gwyn.albert@gmail.com <p>This study examines the impact of Social Media Influencers (SMIs) on Generation Z's online fast-fashion shopping behavior. Generation Z, known as digitally native consumers, represents a crucial segment with significant influence on the online retail market. The research investigates three core characteristics of SMIs—trustworthiness, expertise, and attractiveness—and the mediating roles of brand awareness and electronic eword-of-mouth (eWOM) in shaping purchasing decisions.</p> <p>Employing secondary data research, this study develops a conceptual model to explore the relationships between these variables. By synthesizing existing theoretical frameworks and empirical findings, the study identifies actionable insights to help fast-fashion businesses optimize influencer marketing strategies for better engagement with Gen Z. This research provides meaningful contributions to the academic understanding of influencer marketing and offers practical applications for industry professionals.</p> 2025-05-10T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jimba_journal/article/view/1197 การจัดการเชิงกลยุทธ์ 2024-10-28T09:19:13+07:00 ศุภกิตติ์ เศษรักษา su.ponpond@gmail.com <p>หนังสือ "การจัดการเชิงกลยุทธ์ strategic management" โดย ผศ.ดร.ณัฏฐพันธ์ เขจรนันทน์ หนังสือเล่มนี้ได้รับการออกแบบเพื่อมอบความรู้ และแนวทางในการพัฒนาองค์กรอย่างมีระบบ โดยอิงจากทฤษฎีวิวัฒนาการของ Charles Darwin ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการปรับตัวและการอยู่รอดในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การนำเสนอเนื้อหาในหนังสือประกอบไปด้วยการวิเคราะห์องค์ประกอบต่าง ๆ ที่มีผลต่อการดำเนินธุรกิจ เช่น การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกองค์กร การสร้างวิสัยทัศน์และ&nbsp;&nbsp; พันธกิจ การกำหนดกลยุทธ์ และการประเมินผลการดำเนินงาน</p> <p>หนึ่งในจุดเด่นของหนังสือคือการใช้กรณีศึกษาและประสบการณ์จริงจากการทำงานในวงการธุรกิจ ซึ่งช่วยให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจวิธีการนำเสนอและประยุกต์ใช้กลยุทธ์ในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ผู้เขียนยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเรียนรู้และการพัฒนาตนเอง เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ</p> <p>ดังนั้น หนังสือเล่มนี้จึงเป็นแหล่งข้อมูลที่มีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่สนใจในการพัฒนาความรู้ด้านการบริหารจัดการ โดยเฉพาะในยุคที่การเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่สามารถคาดการณ์ได้</p> 2025-05-08T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย