https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jhssrlpru/issue/feed
วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ปริทัศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง
2025-08-15T22:33:09+07:00
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ตุลาภรณ์ แสนปรน
jhssr.lpru@gmail.com
Open Journal Systems
<div><strong><span lang="TH">วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ปริทัศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง</span></strong></div> <div> </div> <div><span lang="TH"><span lang="EN-US">ISSN: 2985-2765 E-ISSN: 2985-2757</span></span></div> <div> <div> </div> <div><span lang="TH">กำหนดออก</span><span lang="EN-US">: </span><span lang="TH">1 ฉบับต่อปี ฉบับที่ 1 มกราคม - ธันวาคม</span></div> <div> <div> </div> <div><span lang="TH">นโยบายและขอบเขตในการตีพิมพ์ ครอบคลุมวิทยาการด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ได้แก่ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ การปกครองท้องถิ่น นิติศาสตร์ การพัฒนาชุมชน ศิลปะและการออกแบบ ดนตรี ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และวรรณกรรม และสาขาอื่นที่เกี่ยวข้อง</span></div> <div> <div> </div> <div><span lang="TH">ฐานข้อมูล: TCI กลุ่มที่ 3</span></div> </div> </div> </div>
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jhssrlpru/article/view/2145
มาตรการทางกฎหมายเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศและเยียวยาผู้เสียหายในคดีอาญา
2025-08-15T22:33:09+07:00
อาระดา พุ่มไพศาลชัย
arada.phum@gmail.com
ภูมินันท์ รุ่งแสง
Phuminunr1@gmail.com
<p style="font-weight: 400;">บทความเรื่อง “มาตรการทางกฎหมายเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศและเยียวยาผู้เสียหายในคดีอาญา” ศึกษาเกี่ยวกับการมาตรการทางกฎหมายกรณีมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศและมาตรการในการเยียวยาความเสียหายให้แก่ผู้เสียหายในคดีอาญากรณีที่มีการคุกคามทางเพศเกิดขึ้น</p> <p style="font-weight: 400;">ผลการศึกษาพบว่า ประมวลกฎหมายอาญายังไม่ระบุชัดเจนเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศ เห็นได้จากมาตรา 397 เป็นความผิดลหุโทษ ซึ่งครอบคลุมถึงการคุกคามทางเพศที่ไม่รุนแรง อย่างไรก็ตาม บทบัญญัติดังกล่าวยังไม่มีข้อกำหนดเฉพาะที่ชัดเจนสำหรับการคุกคามทางเพศในทุกกรณี ทั้งการกระทำที่ถือเป็นการคุกคามที่ไม่ร้ายแรงตามมาตรา 397 นั้น ยังจะต้องพิจารณาต่อไปอีกว่าเป็นการคุกคามทางเพศหรือไม่ หากใช่ก็อาจถูกลงโทษในความผิดฐานลหุโทษซึ่งเป็นอัตราโทษสถานเบา ส่งผลทำให้ผู้กระทำการคุกคามทางเพศที่มีลักษณะของการกระทำที่ไม่กระทบต่อร่างกายโดยตรงเหมือนเช่นความผิดฐานข่มขืน แม้มีการคุกคามเกิดขึ้นจริงแต่มิใช่การคุกคามทางเพศที่รุนแรง ผู้กระทำอาจไม่มีความผิดตามกฎหมาย และไม่อาจลงโทษผู้กระทำได้ ในทางกลับกันผู้ถูกกระทำการคุกคามอาจได้รับความอับอาย หวาดระแวง เครียด ส่งผลต่อการดำเนินชีวิต และสภาพจิตใจตกเป็นโรคซึมเศร้าและไม่อาจรักษาให้หายได้อย่างแท้จริง</p> <p style="font-weight: 400;">ข้อเสนอแนะ เพื่อให้ความคุ้มครองแก่ผู้เสียหายจากการถูกคุกคามทางเพศ ควรแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา โดยกำหนดนิยามของการกระทำ “การคุกคามทางเพศ” ให้ชัดเจน รวมถึงแก้ไข มาตรา 397 โดยนำวรรคสองและวรรคสาม มาบัญญัติให้การคุกคามทางเพศเป็นความผิดเกี่ยวกับเพศโดยเฉพาะและกำหนดอัตราโทษให้สูงขึ้น และเพิ่มเติมบทบัญญัติความผิดเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศที่ได้แก้ไขปรับปรุงนั้น ไปยังรายการท้ายพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 เพื่อเป็นการเยียวยาความเสียหายแก่ผู้เสียหายในคดีอาญาในความผิดเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศ</p>
2024-12-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ปริทัศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jhssrlpru/article/view/2134
การแปลสำนวนจีนประเภทสูอี่ว์ (汉语俗语) เป็นภาษาไทยในนวนิยายเรื่อง “เหวินเฉิง เมืองไร้ตัวตน《文城》” ของหยูหัว ฉบับแปลภาษาไทย โดย รำพรรณ รักศรีอักษร
2025-08-15T20:50:45+07:00
Jia Yifan
JIAYIFAN_CHN@qq.com
กิตติศักดิ์ เกิดอรุณสุขศรี
kittisak_ker@utcc.ac.th
บุรินทร์ ศรีสมถวิล
b.srisomthawin@gmail.com
<p style="font-weight: 400;">บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการแปลสำนวนจีนประเภทสูอี่ว์เป็นภาษาไทยในนวนิยายเรื่อง “เหวินเฉิง เมืองไร้ตัวตน《文城》” ของหยูหัว ฉบับแปลภาษาไทย โดยรำพรรณ รักศรีอักษร ผลการศึกษา พบว่ารูปแบบของการแปลคำที่เท่ากับต้นฉบับในด้านการแปลสำนวนจีนประเภทสูอี่ว์เป็นภาษาไทย สามารถแยกประเภทออกเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ 1) การแปลคำที่มีความหมายของภาษาเท่ากับต้นฉบับ 2) การแปลคำที่มีรูปแบบของภาษาเท่ากับต้นฉบับ 3) การแปลคำที่มีวัฒนธรรมและค่านิยมเท่ากับต้นฉบับ ทั้งนี้ ผู้วิจัยพบว่าสาเหตุที่ทำให้ผู้แปลสามารถแปลสำนวนจีนประเภทสูอี่ว์เป็นภาษาไทยให้มีความเทียบเท่ากับต้นฉบับคือ 1) รำพรรณรักศรีอักษรเป็นผู้แปลที่ได้แปลผลงานของหยูหัวจำนวน 4 เล่ม ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในด้านภาษาจีนและลีลาการเขียนของหยูหัว จึงสามารถถ่ายทอดสำนวนจีนประเภทสูอี่ว์เป็นภาษาไทยได้อย่างดี 2) สำนวนจีนประเภทสูอี่ว์ส่วนใหญ่เป็นประโยคภาษาพูดที่มีความหมายตามตัวอักษรหรือความหมายเชิงเปรียบเทียบ จึงสามารถเข้าใจความหมายได้ตามบริบท 3) วรรณกรรมจีนพากย์ไทยได้ถูกตีพิมพ์และเผยแพร่ในประเทศไทยและมีอิทธิพลต่อภาษาไทย สำนวนจีนประเภทสูอี่ว์บางสำนวนที่ปรากฏในวรรณกรรมจีนพากย์ไทยได้รับความนิยมในหมู่ชาวไทยและค่อย ๆ พัฒนาเป็นสำนวนไทย ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านชาวไทยเข้าใจต้นฉบับภาษาจีนได้ง่ายขึ้น อนึ่ง ผู้แปลใช้กลวิธีการแปลที่หลากหลาย ซึ่งทำให้บทแปลไม่เพียงแต่ถ่ายทอดความหมาย รูปแบบ วัฒนธรรมและค่านิยมของภาษาที่สื่อเท่ากับต้นฉบับ และทำให้ผู้อ่านชาวไทยสามารถเข้าใจความหมายหรือเจตนาของผู้ประพันธ์ที่จะสื่อได้เหมือนผู้อ่านชาวจีน ทั้งยังรักษาลีลาการเขียนของผู้ประพันธ์ได้อย่างดี</p>
2024-12-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ปริทัศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jhssrlpru/article/view/2136
การจัดการป่าชุมชนด้วยธรรมนูญชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนในอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง
2025-08-15T21:10:21+07:00
พฤกษา เครือแสง
phrueksa44@gmail.com
<p style="font-weight: 400;"> การแก้ไขปัญหาความยากจนด้วยป่าชุมชนในอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง ภายใต้โครงการพัฒนาและขยายระบบสนับสนุนการทำงานเชิงพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำ พื้นที่จังหวัดลำปางมีวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์พื้นที่เพื่อการพัฒนาโมเดลแก้จน (Operating Model for Poverty Alleviation)และการประเมินผลโดยประเมินจากกรอบการประเมินผลตอบแทนทางสังคมตามแนวทางการดำรงชีพอย่างยั่งยืน(Sustainable Livelihood Return on Investment: SLROI) โดยได้ดำเนินการค้นหาและสอบทานข้อมูลคนจนกลุ่มเป้าหมาย ตลอดจนบูรณาการในทุกภาคส่วนเพื่อได้กิจกรรมในการส่งเสริมทักษะอาชีพให้แก่คนจนเป้าหมายผ่านการจัดการป่าชุมชนในพื้นที่ตำบลแม่มอก จำนวนทั้งหมด 10 หมู่บ้าน และได้มาซึ่งการร่างธรรมนูญป่าชุมชนที่สอดคล้องกับการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของคนจนกลุ่มเป้าหมาย การใช้ประโยชน์จากป่า เพื่อยกระดับทางสังคมและเศรษฐกิจของคนจนกลุ่มเป้าหมายอย่างมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ในด้านการฟื้นฟู อนุรักษ์พื้นที่ป่าชุมชน ผลการดำเนินงานมีกิจกรรมสนับสนุนคนจนกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งครอบคลุมทั้งการสนับสนุนการเพิ่มรายได้ที่เชื่อมโยงการใช้ทรัพยากรจากป่าชุมชน การอนุรักษ์ป่าชุมชนเพื่อเพิ่มทรัพยากร การป้องกันปัญหาที่เกี่ยวข้องกับป่าชุมชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตภายใต้การจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืนด้วยธรรมนูญชุมชน</p>
2024-12-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ปริทัศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jhssrlpru/article/view/2137
การก้าว “ไม่” ข้ามความเป็นอื่นด้านการแปลสำนวนจีนเป็นภาษาไทย ในนวนิยายเรื่อง “ขุนเขาแห่งจิตวิญญาณ” ฉบับแปลภาษาไทย
2025-08-15T21:19:57+07:00
อัมพา เกียรติก้องคีรี
ampa.jung@gmail.com
บุรินทร์ ศรีสมถวิล
burinsir@utcc.ac.th
<p style="font-weight: 400;">บทความวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิเคราะห์ การก้าว “ไม่” ข้ามความเป็นอื่นด้านการแปลสำนวนจีนเป็นภาษาไทยในนวนิยายเรื่อง “ขุนเขาแห่งจิตวิญญาณ” ฉบับแปลภาษาไทย ผลการศึกษาพบลักษณะการก้าว “ไม่” ข้ามแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับ ได้แก่ <strong>ระดับที่ 1</strong> การก้าว “ไม่” ข้ามความเป็นอื่นในเชิงสำนวนแปลขาดอรรถรสทางวรรณศิลป์ ซึ่งถือว่าความงามทางภาษาของความเป็นสำนวนสูญหายในขณะที่ความหมายของสำนวนถูกต้องเพียงบางส่วน <strong>ระดับที่ </strong><strong>2</strong> การก้าว “ไม่” ข้ามความเป็นอื่นในเชิงการถ่ายทอดความหมายของสำนวนผิดเพี้ยนไปจากต้นฉบับ ซึ่งถือว่าความงามทางภาษาของความเป็นสำนวนสูญหายในขณะที่ความหมายของสำนวนผิดเพี้ยนไปจากต้นฉบับ และ<strong>ระดับที่ </strong><strong>3 </strong>การก้าว “ไม่” ข้ามความเป็นอื่นในเชิงการละโดยไม่แปล ซึ่งถือว่าไม่พบร่องรอยของสำนวนจีนโดยสิ้นเชิง ทั้งนี้ นอกจากชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของความถูกต้องของความหมายแล้ว ยังชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการรักษาความเป็นเสน่ห์ของภาษานั้น ๆ อันเป็นรายละเอียดทางการใช้ภาษาที่ผู้แปลมักมองข้าม</p>
2024-12-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ปริทัศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jhssrlpru/article/view/2138
ภาพลักษณ์แหล่งท่องเที่ยว การสื่อสารแบบปากต่อปากผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และทัศนคติที่มีผลต่อความตั้งใจมาท่องเที่ยวในนครเฉิงตูของนักท่องเที่ยวชาวจีน
2025-08-15T21:32:51+07:00
Deng Nan
1162546113@qq.com
นภาวรรณ เนตรประดิษฐ์
nok_napawan@hotmail.com
<p style="font-weight: 400;"><strong> </strong>การค้นคว้าอิสระนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาระดับความสำคัญของภาพลักษณ์แหล่งท่องเที่ยวการสื่อสารแบบปากต่อปากผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ทัศนคติ และความตั้งใจมาท่องเที่ยวในนครเฉิงตูของนักท่องเที่ยวชาวจีน และ 2) เพื่อศึกษาภาพลักษณ์แหล่งท่องเที่ยวการสื่อสารแบบปากต่อปากผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และทัศนคติที่มีผลต่อความตั้งใจมาท่องเที่ยวในนครเฉิงตูของนักท่องเที่ยวชาวจีน กลุ่มตัวอย่าง คือ นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาท่องเที่ยวในนครเฉิงตู จำนวน 385 คน เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสอบถามแบบออนไลน์ โดยใช้สถิติพรรณนา ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมานวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุ(Multiple Regression Analysis)</p> <p style="font-weight: 400;">จากการศึกษาพบว่า 1) นักท่องเที่ยวชาวจีนให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์แหล่งท่องเที่ยวในระดับมากที่สุด และให้ความสำคัญกับด้านการสื่อสารแบบปากต่อปากผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์และทัศนคติอยู่ในระดับมาก และ 2) ภาพลักษณ์แหล่งท่องเที่ยว การสื่อสารแบบปากต่อปากผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และทัศนคติมีผลต่อความตั้งใจมาท่องเที่ยวในนครเฉิงตูของนักท่องเที่ยวชาวจีน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 </p>
2024-12-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ปริทัศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jhssrlpru/article/view/2139
บทประพันธ์เพลงเจิงมอญฟ้อนเม็งสำหรับวงแจ๊สบิกแบนด์
2025-08-15T21:41:25+07:00
ณภัทร ทนุชิด
napatsaxophone@gmail.com
<p style="font-weight: 400;"><strong> </strong>บทประพันธ์เพลง<em>เจิงมอญฟ้อนเม็ง </em>เป็นบทประพันธ์ที่ประพันธ์ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสรรค์บทประพันธ์ดนตรีแจ๊สบทใหม่สำหรับวงแจ๊สบิกแบนด์ โดยนำทำนองเพลง <em>เก๊าห้า</em> ของจังหวัดลำปางมาดัดแปลงเป็นทำนองหลักและเพื่อเผยแพร่บทประพันธ์ออกสู่สาธารณชน รวมถึงเพื่อสืบสาน ส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรม</p> <p style="font-weight: 400;"> บทประพันธ์เพลง<em>เจิงมอญฟ้อนเม็ง</em> เป็นบทประพันธ์เพลงที่มีความยาวประมาณ 7 นาที ได้เผยแพร่สู่สาธารณะชนทั้งหมด 2 ครั้ง ดังนี้ 1) คอนเสิร์ต Rangsit University Jazz Orchestra Featuring New Compositions by RSU Composers 2) คอนเสิร์ตจบการศึกษา (Graduate Recital Napat Tanuchid) บทประพันธ์บทนี้มีทำนองหลักอันเกิดมาจากการดัดแปลงทำนองเพลง<em>เก๊าห้า</em>ของจังหวัดลำปาง โดยใช้ทฤษฎีดนตรีแจ๊สเป็นหลักและประพันธ์ในรูปแบบ วงแจ๊สบิกแบนด์ โดยมีแนวคิดและเทคนิคการประพันธ์ประกอบด้วย แนวคิดในการใช้โหมด แนวคิดเสียงประสานไร้โน้ตพื้นต้น แนวคิดเสียงประสานคู่สี่เรียงซ้อน แนวคิดเสียงประสานของระบบโคลเทรนเชนเจส + แนวคิดออสตินาโตเทคนิคการย้ายกุญแจเสียงสัมพันธ์ แนวคิดการพัฒนาโมทีฟ แนวคิดการอิมโพรไวส์ รวมไปถึงแนวคิดและเทคนิคสำคัญอื่นที่ส่งเสริมการประพันธ์และการเรียบเรียง</p>
2024-12-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ปริทัศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jhssrlpru/article/view/2141
กลวิธีการแปลคำนามประสมจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยในวรรณกรรมเรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี”
2025-08-15T21:58:01+07:00
อัจฉรา กวงไหม
ajacharaeng@g.lpru.ac.th
นิรมล ทะจะกัน
niramol@g.lpru.ac.th
ศจีรัตน์ วุฒิสิงห์ชัย
swutthis@gmail.com
<div> <p><span lang="TH">บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากลวิธีการแปลคำนามประสมจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยในวรรณกรรมเรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี” โดยวิเคราะห์คำนามประสมที่ปรากฏในวรรณกรรมภาษาอังกฤษเรื่อง “</span><span lang="EN-US">Harry Potter and the Goblet of Fire” </span><span lang="TH">ซึ่งแต่งโดย </span><span lang="EN-US">J. K. Rowling </span><span lang="TH">และความหมายของคำนามประสมในฉบับแปลภาษาไทยที่แปลโดย งามพรรณ เวชชาชีวะ</span></p> </div> <div> <p><span lang="TH">ผลการศึกษาพบคำนามประสมในวรรณกรรมภาษาอังกฤษจำนวนทั้งสิ้น </span><span lang="EN-US">2,315 </span><span lang="TH">คำ ซึ่งในการแปลคำนามประสมจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยในฉบับแปลนั้น สามารถจำแนกประเภทของภาษาแปลได้ </span><span lang="EN-US">8 </span><span lang="TH">ประเภท โดยประเภทที่พบมากที่สุด </span><span lang="EN-US">3 </span><span lang="TH">อันดับแรก ได้แก่ </span><span lang="EN-US">1) </span><span lang="TH">นามวลี ร้อยละ </span><span lang="EN-US">55.25 2) </span><span lang="TH">คำนามประสม ร้อยละ </span><span lang="EN-US">28.77 </span><span lang="TH">และ</span><span lang="EN-US">3) </span><span lang="TH">คำเดี่ยว ร้อยละ </span><span lang="EN-US">6.22 </span><span lang="TH">ตามลำดับ สำหรับกลวิธีการแปลคำนามประสมจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยนั้น ผู้แปลใช้กลวิธีการแปลทั้งหมด </span><span lang="EN-US">20 </span><span lang="TH">กลวิธี โดยกลวิธีที่ใช้มากที่สุด </span><span lang="EN-US">3 </span><span lang="TH">อันดับแรก ได้แก่ </span><span lang="EN-US">1) </span><span lang="TH">การแปลโดยแทนที่ด้วยวลีหรือประโยคที่ปรากฏในวัฒนธรรมของภาษาแปล ร้อยละ </span><span lang="EN-US">28.21 2) </span><span lang="TH">การแปลโดยการสร้างคำประสมใหม่ในภาษาไทยโดยแปลคำในภาษาต้นฉบับแบบตรงตัว ร้อยละ </span><span lang="EN-US">13.61 </span><span lang="TH">และ </span><span lang="EN-US">3) </span><span lang="TH">การแปลโดยการใช้คำที่เป็นที่รู้จักกันดี</span><span lang="TH">ในภาษาไทย ร้อยละ </span><span lang="EN-US">12.01 </span><span lang="TH">ตามลำดับ</span></p> </div>
2024-12-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ปริทัศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jhssrlpru/article/view/2142
ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการลงโทษตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
2025-08-15T22:07:33+07:00
กันตพงศ์ แสงพวง
Kantapong.sa@up.ac.th
<p style="font-weight: 400;"> การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาแนวคิด ทฤษฎี เกี่ยวกับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการลงโทษตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมทั้งการเปรียบเทียบโทษทางปกครองกับพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565</p> <p style="font-weight: 400;"> ผลการศึกษา พบว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีบทบัญญัติให้ศาลที่พิจารณาคดีกำหนดค่าสินไหมทดแทนและค่าสินไหมทดแทนเพื่อการลงโทษได้ตามสมควรแต่ไม่เกิน 2 เท่าของค่าเสียหายที่แท้จริง และสามารถกำหนดโทษทางปกครองเป็นค่าปรับได้ไม่เกินหนึ่งล้านบาทจนถึงห้าล้านบาทแล้วแต่กรณีซึ่งโทษที่กำหนดไว้ดังกล่าวเป็นอัตราที่ไม่สมเหตุสมผลเมื่อเปรียบเทียบกับความเสียหาย สภาพเศรษฐกิจ สังคม และอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบัน ทำให้การลงโทษไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการกำหนดค่าสินไหมทดแทน ขณะที่ในต่างประเทศโดยเฉพาะกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปและประเทศสหรัฐอเมริกานั้นมีอัตราโทษสูงกว่าประเทศไทยมากหากมีการแก้ไขอัตราโทษของค่าสินไหมทดแทนเพื่อการลงโทษและโทษปรับทางปกครอง จะทำให้เกิดการป้องปรามไม่ให้กระทำความผิด หรือเพื่อป้องกันการกระทำผิดซ้ำ โดยเฉพาะผู้กระทำความผิดที่มีศักยภาพทางด้านเศรษฐกิจอาจไม่รู้สึกยำเกรงต่อกฎหมายและโทษ ซึ่งการปรับปรุงโทษจะใช้แนวคิดและหลักการที่ปรากฎในพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายอย่างแท้จริง</p>
2024-12-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ปริทัศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jhssrlpru/article/view/2143
การวิเคราะห์คุณค่าของวิถีวชิราวุธที่เสริมสร้างความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ตามพลวัตการจัดการศึกษา
2025-08-15T22:14:14+07:00
พรธิวา พรมน้ำฉ่า
Porntiwaladynam@gmail.com
ดวงกมล บางชวด
jaydoungkamol@gmail.com
ชัชพล ไชยพร
Chachapon.j@chula.ac.th
<p style="font-weight: 400;"><strong> </strong>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อวิเคราะห์คุณค่าของวิถีวชิราวุธที่เสริมสร้างความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ตามพลวัตการจัดการศึกษาในบริบทไทยจากการศึกษาเอกสารการสัมภาษณ์เชิงลึกแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ผู้บริหาร ครู ผู้กำกับคณะ กลุ่มที่ 2 นักเรียนเก่า ผู้ปกครอง และกลุ่มที่ 3 นักเรียนปัจจุบันและการวิจัยภาคสนามของวชิราวุธวิทยาลัย ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ</p> <p style="font-weight: 400;"> ผลการวิจัย พบว่า 1) คุณค่าด้านประวัติศาสตร์ วชิราวุธวิทยาลัยจัดการศึกษาตามพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและการดำเนินงานตามแนวทางพระราชดำริของผู้บังคับการมีการหล่อหลอมนักเรียนตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อเสริมสร้างความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์คือ การเป็นผู้มีศาสนา ผู้ดี และมีความรู้ 2) คุณค่าด้านจริยศาสตร์ คือ การฝึกจรรยา การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ความซื่อสัตย์ สุจริต มีอุปนิสัย ใจคอดี ได้แก่ จริยศาสตร์จากกิจวัตรประจำวันและจริยศาสตร์จากหลักสูตร กิจกรรม ชมรมและสมาคม และ 3) คุณค่าด้านสุนทรียศาสตร์ คือ การเกิดสุนทรียะจากการศึกษาด้านศิลปะ ดนตรี กีฬา ประเพณี วัฒนธรรมและความงามของสถาปัตยกรรมภายในวชิราวุธวิทยาลัย ได้แก่ สุนทรียศาสตร์จากหลักสูตร กิจกรรม ชมรมและสมาคม และสุนทรียศาสตร์จากประเพณี วัฒนธรรมของวชิราวุธวิทยาลัย สะท้อนให้เห็นว่าแก่นแท้คุณค่าของวิถีวชิราวุธหล่อหลอมความไทยและความเป็นสากลด้วย การจัดการศึกษาตามพลวัตการจัดการศึกษาในบริบทไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน</p>
2024-12-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ปริทัศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jhssrlpru/article/view/2144
แนวทางการพัฒนาเมืองที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุในเขตเทศบาลนครอุดรธานี
2025-08-15T22:25:11+07:00
ธนวิทย์ บุตรอุดม
thanawit.bu@udru.ac.th
ณัฏฐนันธ์ สุวรรณวงก์
natthaman.su@udru.ac.th
ดวงสมร กิจโกศล
duangsmorn.ki@udru.ac.th
<p style="font-weight: 400;"><strong> </strong>การวิจัยเรื่องแนวทางการพัฒนาเมืองที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุในเขตเทศบาลนครอุดรธานี มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพเมืองที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุในเขตเทศบาลนครอุดรธานี และ 2) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาเมืองที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุในเขตเทศบาลนครอุดรธานี ดำเนินการวิจัยโดยวิเคราะห์เอกสาร (Documents) ได้แก่ เอกสารที่มีความเกี่ยวข้องกับกรณีศึกษาเมืองที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุ และเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทศบาลนครอุดรธานี ผู้สูงอายุในพื้นที่ เป็นต้น การเก็บข้อมูลจากแบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่างจำนวน 500 คน และการประชุมกลุ่มย่อยโดยการมีส่วนร่วม โดยผู้ให้ข้อมูลหลักที่เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกำหนดแนวทางการพัฒนาผู้สูงอายุจำนวน 15 คน</p> <p style="font-weight: 400;">ผลการวิจัยพบว่า ผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มตัวอย่างมีความคิดเห็นต่อสภาพที่พักอาศัยที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุในระดับมาก ค่าเฉลี่ย 3.54 รองลงมาได้แก่ด้านการได้รับความเคารพและความผูกพันทางสังคม มีค่าเฉลี่ย 3.37 อยู่ในระดับมาก ส่วนด้านที่มีความเห็นน้อยได้แก่ ด้านการมีส่วนร่วมทางสังคมที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุ ค่าเฉลี่ย 2.70 ด้านความเป็นพลเมืองและการจ้างงานสำหรับผู้สูงอายุ ค่าเฉลี่ย 1.89 อยู่ในระดับน้อย ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม เทศบาลนครอุดรธานีควรกำหนดนโยบายเพื่อพัฒนาเทศบาลที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุ แนวทางที่สำคัญ คือ การสร้างกลไกในการดูแลผู้สูงอายุ ได้แก่ กลไกการทำงานร่วมกันระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกันกับปกครองท้องที่ เพื่อสำรวจครัวเรือนผู้สูงอายุกลุ่มเป้าหมาย โดยกลไกดังกล่าวจะเป็นแนวทางที่สำคัญในการสร้างความตระหนักและกระตุ้นให้ครัวเรือนผู้สูงอายุดูแลเอาใจใส่พื้นที่ที่อยู่อาศัยของตนเอง</p>
2024-12-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ปริทัศน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง