วารสารวิชาการวิจัยและนวัตกรรมสังคมศาสตร์ปริทัศน์
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jarissr
en-US
วารสารวิชาการวิจัยและนวัตกรรมสังคมศาสตร์ปริทัศน์
2985-1483
-
[ถอนบทความ] ประสิทธิผลการประเมินผลการปฏิบัติงานตามข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement: PA) ของพนักงานครูเทศบาลนครปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jarissr/article/view/1514
<p>การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย (1) เพื่อศึกษาระดับ และ (2) เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิผลการประเมินผลการปฏิบัติงานตามข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement: PA) ของพนักงานครูเทศบาลนครปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ พนักงานครูเทศบาลในสังกัดเทศบาลนครปากเกร็ด จำนวน 83 คน หลังจากผู้วิจัยทำการเก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย พบว่า ประสิทธิผลการประเมินผลการปฏิบัติงานตามข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement: PA) ของพนักงานครูเทศบาลนครปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ในภาพรวมและเป็นรายด้าน พบว่าทั้ง 4 ด้านอยู่ในระดับมากเช่นเดียวกัน เรียงลำดับตามค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยได้ดังนี้ ด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.22 รองลงมาคือ ด้านการพัฒนาผลลัพธ์ของผู้เรียน และด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.16 และด้านการจัดการเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.11 ตามลำดับ ผลการทดสอบสมมติฐาน (1) เพื่อศึกษาระดับประสิทธิประสิทธิผลการประเมินผลการปฏิบัติงานตามข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement: PA) ของพนักงานครูเทศบาลนครปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยพบว่าในภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.15 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่าทั้ง 4 ด้านอยู่ในระดับมากเช่นเดียวกัน เรียงลำดับตามค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยได้ดังนี้ ด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.22 รองลงมาคือ ด้านการพัฒนาผลลัพธ์ของผู้เรียน และด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.16 และด้านการจัดการเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.11 ตามลำดับ (2) เพื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของประสิทธิผลการประเมินผลการปฏิบัติงานตามข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement: PA) ของพนักงานครูเทศบาลนครปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล พบว่า พนักงานครูที่ปฏิบัติงานในสถานศึกษาที่ต่างกันส่งผลให้ประสิทธิผลการประเมินผลการปฏิบัติงานตามข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement: PA) ของพนักงานครูเทศบาลนครปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ส่วนตัวแปรอื่น ๆ ได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา ตำแหน่งงาน วิทยฐานะ และระยะเวลาปฏิบัติงาน (ปี) ไม่มีผลต่อประสิทธิผลการประเมินผลการปฏิบัติงานตามข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement: PA) ของพนักงานครูเทศบาลนครปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี</p>
สุรีย์ลักษณ์ บุตรดีวงษ์
ลดาวัลย์ ไข่คำ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการวิจัยและนวัตกรรมสังคมศาสตร์ปริทัศน์
2025-02-25
2025-02-25
5 1
1
16
-
ภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษา ในอำเภอหนองกุงศรี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jarissr/article/view/1512
<p>การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษาในอำเภอหนองกุงศรี สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2 และ <br />2) เปรียบเทียบภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษา ในอำเภอหนองกุงศรี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2 จำแนกตาม เพศ ระดับการศึกษา และประสบการณ์ในการทำงาน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา และครูผู้สอน ในสถานศึกษา อำเภอหนองกุงศรี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 181 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางเครจซี่และมอร์แกน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ซึ่งมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.812 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ คือ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ข้อมูล ทดสอบสมมติฐาน โดยใช้สถิติค่า (T-Test) และใช้สถิติเอฟ (F-Test) ผลการวิจัยพบว่า 1. ภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษา ในอำเภอหนองกุงศรี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2 โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดได้แก่ ด้านการสื่อสารดิจิทัล รองลงมาคือ ด้านการสร้างนวัตกรรม ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ได้แก่ ด้านการมีวิสัยทัศน์ดิจิทัล2. ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษา ในอำเภอหนองกุงศรี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2 จำแนกตามเพศ ระดับการศึกษา และประสบการณ์ในการทำงาน โดยภาพรวม พบว่า ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนที่มีเพศ ระดับการศึกษา และประสบการณ์ในการทำงานต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นำดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษา ในอำเภอหนองกุงศรี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2 ไม่แตกต่างกัน</p>
พรรณพร จักร์หลุด
อำนวย มีราคา
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการวิจัยและนวัตกรรมสังคมศาสตร์ปริทัศน์
2025-02-25
2025-02-25
5 1
17
30
-
การบริหารจัดการที่ดี เพื่อเป็นองค์การที่พึงประสงค์ของประชาชน ในพื้นที่เทศบาลเมืองคลองหลวง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jarissr/article/view/1472
<p>การวิจัยเรื่องการบริหารจัดการที่ดี เพื่อเป็นองค์การที่พึงประสงค์ของประชาชนในพื้นที่เทศบาลเมืองคลองหลวง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับและการเปรียบเทียบการบริหารจัดการที่ดี ในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองคลองหลวง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เพื่อเป็นองค์การที่พึงประสงค์ของประชาชนในบริบทของธรรมาภิบาลของหน่วยงานของรัฐระดับท้องถิ่น ในการปฏิบัติและบริการแก่ประชาชนในพื้นที่ โดยให้ประชาชนผู้ใช้บริการเป็นผู้แสดงความคิดเห็นด้วยการตอบแบบสอบถาม ผู้วิจัยได้ดำเนินการศึกษาตามแบบแผนการวิจัยเชิงปริมาณแบบเชิงสำรวจ ผลการศึกษาพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีช่วงอายุ 25 – 35 ปี ระดับการศึกษาปริญญาตรี เป็นพนักงานเอกชน มีรายได้ต่อเดือนที่ 20,000-30,000 บาท และพบว่ามีความคิดเห็นโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ หลักนิติธรรม อยู่ในระดับมาก และข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุดคือ หลักความโปร่งใส อยู่ในระดับน้อย ทั้งนี้ มีข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุงหน่วยงานโดยเฉพาะด้านหลักความโปร่งใส ด้วยการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ควรเปิดเผยประชาสัมพันธ์ทางอินเตอร็เน็ต แผยแพร่ให้ประชาชนรับรู้ เป็นสำคัญ</p>
เอกศิริ นิยมศิลป
พินัย วิถีสวัสดิ์
วศิน พรหมพิทักษ์กุล
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการวิจัยและนวัตกรรมสังคมศาสตร์ปริทัศน์
2025-02-25
2025-02-25
5 1
31
47
-
สหสัมพันธ์ของความเชื่อใจได้ ความพึงพอใจ ความผูกพัน และความจงรักภักดีต่อหลักสูตร
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jarissr/article/view/1483
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสหสัมพันธ์ของความเชื่อใจได้ ความพึงพอใจ ความผูกพัน และความจงรักภักดีต่อหลักสูตร 2) สร้างสมการถดถอยเพื่อการพยากรณ์ จากตัวแปรความเชื่อใจได้ ความพึงพอใจ ความผูกพัน และความจงรักภักดีต่อหลักสูตร ประชากร คือ นักศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จำนวน 7,339 คน ในปี 2566 กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษา จำนวน 232 คน ได้มาจากการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามแบบมาตรประมาณค่า วิเคราะห์คุณภาพของเครื่องมือด้านความเที่ยงโดยใช้สัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค วิเคราะห์ค่าสหสัมพันธ์ และสร้างสมการถดถอยเพื่อพยากรณ์ ผลการวิจัยพบว่า สหสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อใจได้กับความพึงพอใจ เท่ากับ 0.807 สหสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อใจได้กับความผูกพัน เท่ากับ 0.678 สหสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อใจได้กับ<br />ความจงรักภักดี เท่ากับ 0.725 สหสัมพันธ์ระหว่างความพึงพอใจกับความผูกพัน เท่ากับ 0.705 สหสัมพันธ์ระหว่างความพึงพอใจกับความจงรักภักดี เท่ากับ 0.781 สหสัมพันธ์ระหว่างความผูกพันกับความจงรักภักดี เท่ากับ 0.745</p>
ลัดดา วัจนะสาริกากุล
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการวิจัยและนวัตกรรมสังคมศาสตร์ปริทัศน์
2025-02-25
2025-02-25
5 1
48
56
-
ความคิดเห็นของกำลังพลกองบัญชาการกองทัพอากาศ ต่อแผนยุทธศาสตร์กองทัพอากาศ
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jarissr/article/view/1506
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาระดับความคิดเห็นของกำลังพลกองบัญชาการกองทัพอากาศต่อแผนยุทธศาสตร์กองทัพอากาศ เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ จากกลุ่มตัวอย่างกำลังพลสังกัดกองบัญชาการกองทัพอากาศ จำนวน 210 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งนำผลที่ได้มาวิเคราะห์ค่าทางสถิติโดยการแจกแจงความถี่ การหาร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมติฐานด้วยสถิติการทดสอบแบบค่าที สถิติวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และหากพบความแตกต่างจะนำไปเปรียบเทียบเป็นรายคู่โดยใช้วิธีของ LSD โดยทดสอบที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 ผลการวิจัยพบว่า ความคิดเห็นของกำลังพลกองบัญชาการกองทัพอากาศต่อแผนยุทธศาสตร์กองทัพอากาศ อยู่ในระดับมาก และผลการทดสอบสมมติฐานของการวิจัยพบว่า อายุ ชั้นยศ และระดับการศึกษาที่แตกต่างกันมีความคิดเห็นต่อแผนยุทธศาสตร์ของกำลังพลกองทัพอากาศทุกด้าน แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05</p>
ปฐมพงศ์ พวงเพชร์
วัลลภ พิริยวรรธนะ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการวิจัยและนวัตกรรมสังคมศาสตร์ปริทัศน์
2025-02-25
2025-02-25
5 1
57
66
-
รูปแบบและปัจจัยทางการเมืองว่าด้วยการโฆษณาแฝงในสื่อวิทยุกระจายเสียงชุมชน: กรณีศึกษาสถานีวิทยุกระจายเสียงชุมชนแห่งหนึ่งในภาคตะวันออก
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jarissr/article/view/1490
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ในการศึกษา 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ การศึกษารูปแบบของการโฆษณาแฝง การศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการกำหนดการโฆษณาแฝง และการศึกษาการเมืองในกระบวนการบริหารของสถานีวิทยุกระจายเสียงชุมชนแห่งหนึ่งในภาคตะวันออก โดยใช้วิธีวิทยาวิจัยเชิงคุณภาพ การเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการศึกษาเอกสาร การสัมภาษณ์ประวัติศาสตร์จากคำบอกเล่า การสัมภาษณ์แบบเจาะลึก และการสนทนาเฉพาะกลุ่มจากผู้ให้ข้อมูลหลักแบบเฉพาะเจาะจง โดยอาศัยแนวสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้างเป็นเครื่องมือ และการวิเคราะห์ข้อมูลการออกอากาศจากการรับฟังรายการต่าง ๆ ของทางสถานี จากนั้นนำมาทำการตรวจสอบข้อมูลแบบสามเส้า ผลการศึกษามีข้อค้นพบว่า รูปแบบของการโฆษณาแฝงเป็นการดำเนินรายการโดยที่นักจัดรายการผ่านการพูดแทรกในเนื้อหารายการนั้นๆ ส่วนปัจจัยที่กำหนดการโฆษณาแฝงนั้นพบว่าเป็นปัจจัยด้านผลประโยชน์โดยที่นักจัดรายการไม่มีค่าตอบแทนจากทางสถานี แต่ได้รับโอกาสให้แสวงหาผู้สนับสนุนแบบไม่เป็นทางการ มีการจำกัดจำนวนรายการโฆษณา และการได้ผลประโยชน์อื่นๆจากประชาชนผู้รับฟัง ขณะที่การศึกษาการเมืองในกระบวนการบริหาร พบว่าสถานีแห่งนี้ใช้กระบวนการในการบริหารงานในแบบเครือญาติ</p>
พระมหาวิเศษ กนฺตธมฺโม
นรา บรรลิขิตกุล
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการวิจัยและนวัตกรรมสังคมศาสตร์ปริทัศน์
2025-02-25
2025-02-25
5 1
67
77
-
การบริหารตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในอำเภอเมืองนครราชสีมา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครราชสีมา
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jarissr/article/view/1522
<p>การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ1)ศึกษาการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในอำเภอเมืองนครราชสีมาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครราชสีมาและ 2)เปรียบเทียบการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครราชสีมา จำแนกตามวุฒิการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน และขนาดของสถานศึกษากลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนในอำเภอเมืองนครราชสีมา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครราชสีมาจำนวน 284 คนกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางเครจซี่และมอร์แกน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสอบถามประกอบด้วย 2 ตอนซึ่งมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ0.892สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ คือ จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ข้อมูล ทดสอบสมมติฐาน โดยใช้สถิติค่า (t-test) และใช้สถิติเอฟ (F-test) ผลการวิจัยพบว่า 1. การบริหารตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในอำเภอเมืองนครราชสีมา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครราชสีมา โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่าด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ ด้านหลักนิติธรรมรองลงมาคือด้านหลักความมีส่วนร่วมส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ได้แก่ด้านหลักความคุ้มค่า 2. การวิเคราะห์เปรียบเทียบการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษา จำแนกตามวุฒิการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน และขนาดของสถานศึกษาโดยภาพรวม พบว่า ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนที่มีวุฒิการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน และขนาดของสถานศึกษาต่างกันมีความคิดเห็นต่อการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลไม่แตกต่างกัน</p>
อรอนงค์ เบ้าจันทร์
อำนวย มีราคา
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการวิจัยและนวัตกรรมสังคมศาสตร์ปริทัศน์
2025-02-25
2025-02-25
5 1
78
90
-
ความตั้งใจซื้อผลิตภัณฑ์สีเขียวเพื่อภาวะแวดล้อมของอาจารย์ เจ้าหน้าที่ และนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/jarissr/article/view/1482
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยและการพัฒนาเชิงสาเหตุของความตั้งใจซื้อผลิตภัณฑ์สีเขียวเพื่อภาวะแวดล้อมของอาจารย์ เจ้าหน้าที่ และนักศึกษานักศึกษามหามหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประชากรที่ใช้ในงานวิจัยครั้งนี้จำนวน 7,935 คน จำแนกเป็นอาจารย์ 380 คน เจ้าหน้าที่ 216 คน และนักศึกษา 7339 คนในปี 2566 โดยสุ่มตัวอย่างกำหนดตามอัตราส่วน 20 เท่าของตัวแปรสังเกตได้จำนวน 16 ตัวแปร ดังนั้นกลุ่มตัวอย่างจึงเท่ากับ 320 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม และตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา ได้ค่าความเชื่อมั่น ความรู้ ประสิทธิภาพการรับรู้ ความห่วงใย และความตั้งใจซื้อผลิตภัณฑ์สีเขียว มีค่าเท่ากับ0.837-0.868 ซึ่งมีค่ามากกว่า 0.70 ผลการวิจัยพบว่า ความรู้เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมมีอิทธิพลทางตรงต่อความห่วงในสภาพแวดล้อม (DE = 0.85, Significant: 0.05), ความรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลทางอ้อมต่อความตั้งใจซื้อ (IE = 0.23, Significant: 0.05) ด้านประสิทธิภาพการรับรู้ของผู้บริโภคมีอิทธิพลทางตรงต่อความตั้งใจซื้อ (DE = 0.27, Significant: 0.05) และค่าสัมประสิทธิ์การทำนายความห่วงใยสภาพแวดล้อมร้อยละ 82 ค่าสัมประสิทธิ์การทำนายความตั้งใจซื้อสีเขียวร้อยละ 81.</p>
ลัดดา วัจนะสาริกากุล
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการวิจัยและนวัตกรรมสังคมศาสตร์ปริทัศน์
2025-02-25
2025-02-25
5 1
91
100