https://so15.tci-thaijo.org/index.php/LEAD/issue/feed วารสารการบริหารและความเป็นผู้นำทางการศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง 2024-03-09T15:55:21+07:00 Assistant Professor Patumphorn Piatanom, Ph.D. [email protected] Open Journal Systems <p><span class="s1">ภาควิชาบริหารการศึกษาและอุดมศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง จัดการเรียนการสอนหลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา ตั้งแต่ปีการศึกษา 2537 เป็นต้นมา โดยส่งเสริมและสนับสนุนนักศึกษาในหลักสูตรเผยแพร่ผลงานวิจัยทั้งในการประชุมวิชาการ วารสารวิชาการ ระดับชาติ และนานาชาติ ให้เป็นที่ประจักษ์ เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษายิ่งขึ้น ภาควิชาฯ จึงดำเนินโครงการจัดทำ "วารสารการบริหารและความเป็นผู้นำทางการศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง" ด้วยตระหนักว่า</span><span class="s1">การจัดทำวารสารเป็นภารกิจสำคัญยิ่ง เป็นแหล่งข้อมูลในการนำองค์ความรู้ ผลงานค้นคว้าวิจัย ความคิดเห็นทางวิชาการ ทั้งจากนักศึกษา คณาจารย์ นักวิชาการ ผู้สนใจทั้งภายในและภายนอก ได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ซึ่งกัน</span></p> <p><strong>วารสาร</strong><span class="s1"><strong>การบริหารและความเป็นผู้นำทางการศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง</strong> (Leadership Educational Administration Development Journal, Ramkhamhaeng University: LEAD) เป็นวารสารเกี่ยวกับการศึกษา ความเป็นผู้นำทางการศึกษา นวัตกรรมทางการศึกษา การพัฒนาและการจัดการศึกษาทุกระดับ เพื่อนำองค์ความรู้ ข้อค้บพบ ผลการศึกษา วิจัย นำมาตีพิมพ์เผยแพร่ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาอย่างเป็นระบบ</span></p> <p><span class="s1">บทความทุกบทความจะได้รับการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้อง จำนวน <strong>"สามคน" </strong>ต่อบทความ</span></p> <p>วารสารการบริหารและความเป็นผู้นำทางการศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นสมาชิกของวารสารไทยออนไลน์ (ThaiJo)</p> https://so15.tci-thaijo.org/index.php/LEAD/article/view/608 นวัตกรรมการบริหารการศึกษา: กระบวนทัศน์ใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงองค์กร 2024-02-25T15:00:33+07:00 วิสุทธิ์ วิจิตรพัชราภรณ์ [email protected] <p>บทความ เรื่อง นวัตกรรมการบริหารการศึกษา : กระบวนทัศน์ใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงองค์การ มีวัตถุประสงค์ เพื่อนำเสนอแนวคิด มุมมองนวัตกรรมและการพัฒนานวัตกรรมการบริหารการศึกษา นวัตกรรมการบริหารการศึกษาเป็นแนวคิด วิธีการ เทคนิค กระบวนการ หรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ ที่ผู้บริหารการศึกษาหรือผู้ที่เกี่ยวข้องคิดค้นขึ้น มุ่งสร้างหรือพัฒนาขึ้นเพื่อใช้บริหารงานตามหน้าที่และขอบข่ายการบริหาร ตั้งแต่ การพัฒนานโยบาย การออกแบบองค์กร การกำกับ ติดตามและประเมินผลงานที่ใช้ในการขับเคลื่อน เพื่อพัฒนา ปรับปรุง สร้างการเปลี่ยนแปลงจนสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของการจัดการศึกษา นวัตกรรม การบริหารการศึกษา สามารถแบ่งได้สี่ประเภท ได้แก่ นวัตกรรมเชิงหน้าที่การบริหาร นวัตกรรมเชิงขอบข่ายการบริหาร นวัตกรรมเชิงกลไก และนวัตกรรมตัวแบบเฉพาะ ส่วนการพัฒนานวัตกรรม สามารถ นำแนวคิดเชิงการออกแบบมาใช้เป็นแนวทางพัฒนานวัตกรรม 5 ขั้นตอน ได้แก่ การทำความเข้าใจผู้ใช้งาน (Empathize) การกำหนดปัญหาให้ชัดเจน (Define) การระดมความคิด (Ideate) การสร้างต้นแบบ ที่เลือก (Prototype) และการทดสอบ (Test) ทั้งนี้กลไการขับเคลื่อนนวัตกรรมการบริหารสู่ความสำเร็จนั้น หน่วยงานควรวิเคราะห์นโยบายขององค์กร ออกแบบการใช้นวัตกรรม และสามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมสร้างการเปลี่ยนแปลงขององค์กรตามเป้าหมายที่กำหนดไว้</p> 2024-02-25T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยรามคำแหง https://so15.tci-thaijo.org/index.php/LEAD/article/view/613 Secondary Leadership in the Education 5.0 Era 2024-02-25T15:38:41+07:00 Jakkrit Siririn [email protected] <p class="p1"><span class="s1"><strong>Abstract</strong></span></p> <p class="p3"><span class="s1">Systematic studies of leadership have been conducted continuously for more than 50 years, resulting in various perspectives and beliefs that developed into many leadership theories whether it is a theory of leadership characteristics, behavioral leadership theory, situational leadership theory, or even the theory of transformational leadership, in which the concepts and principles of the leadership theory mentioned in one era may have been accepted. But when times change there are new ideas about leadership happen continuously.</span></p> <p class="p3"><span class="s1">Therefore, executives must choose a leadership style that is appropriate to the organization's context at that time and then adapt and apply it appropriately in an integrated manner, and blend It will enable executives to manage their responsible organizations effectively, and is very effective for the organization.</span></p> <p class="p3"><span class="s1">Among the various leadership theories that exist there has not yet been a presentation of the Phra Rong leadership theory. From a review of both Thai and foreign literature. We haven't found a presentation of the Secondary Leadership theory yet. This article attempts to present a presentation of the Secondary Leadership theory. To provide a new option to explore and apply the Secondary Leadership theory in organizational management in the education 5.0 era of new management innovations.</span></p> <p class="p3"><span class="s1">Applying the Secondary Leadership theory may be beneficial to some organizations with complex management structures. It creates many levels of leadership. Sometimes it isn't</span></p> 2024-02-25T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยรามคำแหง https://so15.tci-thaijo.org/index.php/LEAD/article/view/444 แนวทางการพัฒนาความสุขในการเรียนรู้ของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง 2024-01-31T14:17:03+07:00 ปทุมพร เปียถนอม [email protected] สอาดลักษณ์ จงคล้ายกลาง [email protected] <p>การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน โดยแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การวิจัยเชิงปริมาณ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพพึงประสงค์ และความต้องการจำเป็นของความสุขในการเรียนรู้ของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาฯ ปีการศึกษา 2566 จำนวน 217 คน จากนั้นทำการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ระยะที่ 2 การวิจัยเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อหาแนวทางการพัฒนาความสุขในการเรียนรู้ของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง กลุ่มผู้ให้ข้อมูล คือ อาจารย์ และนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง จำนวน 9 คน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง ผลการวิจัยพบว่า สภาพปัจจุบัน สภาพพึงประสงค์ และความต้องการจำเป็นของความสุขในการเรียนรู้ของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยภาพรวมและรายด้าน อยู่ในระดับมาก โดยองค์ประกอบที่มีความต้องการจำเป็นสูงสุด คือ ความพึงพอใจต่อสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ รองลงมาคือ ความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ ความพึงพอใจต่อตนเอง ความพร้อมในการเรียนรู้ และความพึงพอใจในการเรียนรู้ ตามลำดับ และแนวทางการพัฒนาความสุขในการเรียนรู้ของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ประกอบด้วย ห้องเรียนแห่งความสุข การเปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการออกแบบกระบวนการเรียนรู้ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ การออกแบบวิธีการสอนเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน และการมีจิตวิญญาณความเป็นครู</p> 2024-02-25T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยรามคำแหง https://so15.tci-thaijo.org/index.php/LEAD/article/view/572 การบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษาตามการรับรู้ของครูสังกัดกรุงเทพมหานคร 2024-03-01T13:54:16+07:00 อาทิตยา บุญเกิด [email protected] อำนวย ทองโปร่ง [email protected] <p>การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบการบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษาตามการรับรู้ของครูสังกัดกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่าง คือ ครูสังกัดกรุงเทพมหานคร ปีการศึกษา 2566 จำนวน 370 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้ตารางสำเร็จรูปของโคเฮน และใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน ชั้นตอนที่หนึ่ง สุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น และขั้นตอนที่สอง สุ่มตัวอย่างแบบง่าย ตามสัดส่วนของขนาดสถานศึกษา เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม มีค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่าง 0.60-1.00 และมีค่าค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.898 สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที และวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว ผลการวิจัยพบว่า 1) การบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษาตามการรับรู้ของครูสังกัดกรุงเทพมหานคร ในภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับปานกลาง และ 2) ครูที่มีระดับการศึกษา ตำแหน่งวิทยฐานะ และขนาดสถานศึกษาต่างกัน มีการรับรู้การบริหารความขัดแย้งของผู้บริหารสถานศึกษาสังกรุงเทพมหานคร ในภาพรวมและรายด้าน ไม่แตกต่างกัน</p> 2024-03-30T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยรามคำแหง https://so15.tci-thaijo.org/index.php/LEAD/article/view/602 ทักษะมนุษยสัมพันธ์ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร 2024-03-09T15:55:21+07:00 สุกัญญา สมเพ็ชร์ [email protected] อำนวย ทองโปร่ง [email protected] <p>การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบทักษะมนุษยสัมพันธ์ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร จำแนกตามระดับการศึกษา ตำแหน่ง และขนาดโรงเรียน กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย คือ ครู สังกัดกรุงเทพมหานคร ปฏิบัติการสอนในปีการศึกษา 2566 กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างจากการเปิดตารางสำเร็จรูปของโคเฮน ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 370 ใช้วิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ จากนั้นใช้วิธีการสุ่มอย่างง่ายตามขนาดของโรงเรียน โดยคำนวณตามสัดส่วนของประชากร เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่าง 0.80 – 1.00 มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.98 วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว และการวิเคราะห์เปรียบเทียบรายคู่ด้วยวิธีการของเชฟเฟ่ (Scheffe’s post hoc comparison) ผลการวิจัยพบว่า 1) ทักษะมนุษยสัมพันธ์ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก 2) ครูที่มีระดับการศึกษาต่างกัน มีความคิดเห็นต่อทักษะมนุษยสัมพันธ์ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ครูที่มีตำแหน่งต่างกัน มีความคิดเห็นต่อทักษะมนุษยสัมพันธ์ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร ไม่แตกต่างกัน และครูที่ปฏิบัติงานในโรงเรียนที่มีขนาดต่างกัน ความคิดเห็นต่อทักษะมนุษยสัมพันธ์ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p> 2024-04-29T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยรามคำแหง