https://so15.tci-thaijo.org/index.php/LEAD/issue/feed วารสารการบริหารและความเป็นผู้นำทางการศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง 2025-01-02T10:08:48+07:00 Assistant Professor Patumphorn Piatanom, Ph.D. leadjournal2023@gmail.com Open Journal Systems <p><span class="s1">ภาควิชาบริหารการศึกษาและอุดมศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง จัดการเรียนการสอนหลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา ตั้งแต่ปีการศึกษา 2537 เป็นต้นมา โดยส่งเสริมและสนับสนุนนักศึกษาในหลักสูตรเผยแพร่ผลงานวิจัยทั้งในการประชุมวิชาการ วารสารวิชาการ ระดับชาติ และนานาชาติ ให้เป็นที่ประจักษ์ เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษายิ่งขึ้น ภาควิชาฯ จึงดำเนินโครงการจัดทำ "วารสารการบริหารและความเป็นผู้นำทางการศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง" ด้วยตระหนักว่า</span><span class="s1">การจัดทำวารสารเป็นภารกิจสำคัญยิ่ง เป็นแหล่งข้อมูลในการนำองค์ความรู้ ผลงานค้นคว้าวิจัย ความคิดเห็นทางวิชาการ ทั้งจากนักศึกษา คณาจารย์ นักวิชาการ ผู้สนใจทั้งภายในและภายนอก ได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ซึ่งกัน</span></p> <p><strong>วารสาร</strong><span class="s1"><strong>การบริหารและความเป็นผู้นำทางการศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง</strong> (Leadership Educational Administration Development Journal, Ramkhamhaeng University: LEAD) เป็นวารสารเกี่ยวกับการศึกษา ความเป็นผู้นำทางการศึกษา นวัตกรรมทางการศึกษา การพัฒนาและการจัดการศึกษาทุกระดับ เพื่อนำองค์ความรู้ ข้อค้นพบ ผลการศึกษา วิจัย นำมาตีพิมพ์เผยแพร่ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาอย่างเป็นระบบ</span></p> <p><span class="s1">บทความทุกบทความจะได้รับการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้อง จำนวน <strong>"สามคน" </strong>ต่อบทความ</span></p> <p>วารสารการบริหารและความเป็นผู้นำทางการศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นสมาชิกของวารสารไทยออนไลน์ (ThaiJo)</p> https://so15.tci-thaijo.org/index.php/LEAD/article/view/1233 แนวทางการส่งเสริมทักษะการคิดเชิงนวัตกรรมของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุโขทัย เขต 1 2024-11-15T21:50:40+07:00 ณิชกานต์ อินทพุก inthaphuknitchakan@gmail.com ดวงกมล ทิพวัน thanakarnc66@nu.ac.th ทินารมภ์ บัวทอง thanakarnc66@nu.ac.th ธนาคาร จันทร์เงิน thanakarnc66@nu.ac.th สถิรพร เชาวน์ชัย thanakarnc66@nu.ac.th <p class="p1"><span class="s1">การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการส่งเสริมทักษะการคิดเชิงนวัตกรรมของครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุโขทัย เขต 1 โดยแบ่งการวิจัยเป็น 2 ขั้นตอน ขั้นที่ 1 ศึกษาทักษะการคิดเชิงนวัตกรรมของครู กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา และครู จำนวน 291 คน โดยการสุ่มแบบแบ่งชั้นตามอำเภอ เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถาม และวิเคราะห์ด้วยค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ขั้นที่ 2 ศึกษาแนวทางการส่งเสริมทักษะการคิดเชิงนวัตกรรมของครูฯ กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา และศึกษานิเทศก์ ที่มีความรู้และประสบการณ์ในด้านการบริหารสถานศึกษาหรือด้านการพัฒนานวัตกรรม โดยการเลือกแบบเจาะจง เก็บข้อมูลด้วยแบบสัมภาษณ์ และวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) ทักษะการคิดเชิงนวัตกรรมของครูฯ อยู่ในระดับมาก โดยทักษะด้านการร่วมมือกับผู้อื่นมีค่าเฉลี่ยสูงสุด และทักษะด้านการคิดนอกกรอบมีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด และ 2) แนวทางการส่งเสริมทักษะการคิดเชิงนวัตกรรมของครูฯ พบว่า ผู้บริหารต้องพัฒนาทักษะการวิเคราะห์ และสังเคราะห์ข้อมูลที่เป็นกระบวนการสำคัญในการยกระดับคุณภาพการศึกษา จัดอบรมเชิงปฏิบัติการที่เน้นเทคนิคการตั้งคำถามระดับสูง สนับสนุนความคิดใหม่ ให้อิสระในการทดลองกระบวนการสอนที่แตกต่าง ส่งเสริมการทำวิจัยในชั้นเรียน และวิจัยเชิงปฏิบัติการ พัฒนากระบวนการคิดเชิงออกแบบ และกระบวนการสร้างนวัตกรรม โดยเน้นการฝึกปฏิบัติจริงจากปัญหาในชั้นเรียน ส่งเสริมให้ครูแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ และออกแบบหลักสูตรที่บูรณาการความรู้โดยใช้เทคโนโลยีสนับสนุน และส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานแบบร่วมมือ</span></p> 2025-01-02T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยรามคำแหง https://so15.tci-thaijo.org/index.php/LEAD/article/view/1340 ผลการใช้พิพิธภัณฑ์เป็นแหล่งเรียนรู้ร่วมกับการใช้กระบวนการละคร ตามแนวทาง การจัดการเรียนรู้เชิงรุก เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 2024-12-08T11:43:23+07:00 กฤตชัย ชุมแสง krittachai.c@kkumail.com <p class="p1"><span class="s1">การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาผลการใช้พิพิธภัณฑ์เป็นแหล่งเรียนรู้ร่วมกับการใช้กระบวนการละคร ตามแนวทางการจัดการเรียนรู้เชิงรุกเพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และ 2) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องการสร้างองค์ความรู้ทางประวัติศาสตร์ รายวิชาประวัติศาสตร์ รหัสวิชา ส31104 การดำเนินการวิจัยเป็นรูปแบบกลุ่มทดลองกลุ่มเดียว กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ห้องเรียนที่ 8 โรงเรียนนครขอนแก่น ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 35 คน ได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบประเมินความคิดสร้างสรรค์จากผลงานละคร และ 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผลการศึกษาพบว่า 1) ความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนอยู่ในระดับมาก และ 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน มีนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 จำนวน 28 คน จากนักเรียนทั้งหมด 35 คน คิดเป็นร้อยละ 80.00 และมีคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 32.08 คะแนน จากคะแนนเต็ม 40 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 80.19 </span></p> 2025-01-02T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยรามคำแหง https://so15.tci-thaijo.org/index.php/LEAD/article/view/1226 การพัฒนาทักษะการสร้างแบบจำลองด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบจำลองเป็นฐาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 2024-10-22T15:54:46+07:00 นราวิชญ์ เล่ห์กล narawichl67@nu.ac.th กฤติยา อินทิพย์ krittiyai67@nu.ac.th ณัฐณิชา อินสุวรรณ nutnichai67@nu.ac.th บัณยดา สินแต่ง banyadas67@nu.ac.th มนสิช คงยุทธ์ monsitk67@nu.ac.th ณัฐกานต์ ประจันบาน nattakanp@nu.ac.th <p class="p1"><span class="s1">งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาและตรวจประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบจำลองเป็นฐานสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตามเกณฑ์ 75/75 2) เปรียบเทียบทักษะการสร้างแบบจำลองหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบจำลองเป็นฐานฯ กับเกณฑ์ร้อยละ 70 และ 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบจำลองเป็นฐานฯ โดยมีกลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 1 ห้องเรียน โรงเรียนแห่งหนึ่ง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพิจิตร จำนวน 36 คน ได้จากการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบจำลองเป็นฐานฯ ผลประเมินความเหมาะสมอยู่ในระดับเหมาะสมมากที่สุด 2) แบบประเมินทักษะการสร้างแบบจำลองเป็นฐาน เป็นแบบสังเกตพฤติกรรม 4 ระดับ จำนวน 5 ข้อ และ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้โดยใช้แบบจำลองเป็นฐานฯ เป็นข้อสอบปรนัย จำนวน 20 ข้อ มีค่าดัชนีความสอดคล้องของข้อคำถามกับวัตถุประสงค์การเรียนรู้ ระหว่าง 0.67 – 1.00 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละ และ <em>t</em>-test<span class="Apple-converted-space"> </span>ผลการวิจัยพบว่า 1) ประสิทธิภาพแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบจำลองเป็นฐานฯ สูงกว่าเกณฑ์ 75/75 2) ทักษะการสร้างแบบจำลองหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบจำลองเป็นฐานฯ สูงกว่าเกณฑ์ ร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ฯ หลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</span></p> 2025-01-02T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยรามคำแหง https://so15.tci-thaijo.org/index.php/LEAD/article/view/1229 ความก้าวหน้าของวิทยฐานะผู้บริหารสถานศึกษายุคใหม่ 2024-11-06T11:48:04+07:00 นุชรินทร์ อินแฝง benznucharin@gmail.com ณัฐวุฒิ เสริมศรีพงษ์ nuttawuts66@nu.ac.th ณิชกานต์ อินทพุก nuttawuts66@nu.ac.th ทนงศักดิ์ แดงซิว nuttawuts66@nu.ac.th ทินารมภ์ บัวทอง nuttawuts66@nu.ac.th ธนวรรณ ทองธรรม nuttawuts66@nu.ac.th ธนาคาร จันทร์เงิน nuttawuts66@nu.ac.th ประสิทธิ์ เรืองรอน nuttawuts66@nu.ac.th ปริญญา กิติอาษา nuttawuts66@nu.ac.th สถิรพร เชาวน์ชัย nuttawuts66@nu.ac.th <p><span class="s1">ความก้าวหน้าของวิทยฐานะผู้บริหารสถานศึกษายุคใหม่มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายและวิเคราะห์ความก้าวหน้าของวิทยฐานะผู้บริหารสถานศึกษา ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของประเทศในบริบทที่เทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ และการบริหารงานสถานศึกษาครอบคลุมถึงหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินวิทยฐานะของผู้บริหารสถานศึกษาในปัจจุบัน ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการปรับปรุงระบบประเมินให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา โดยผู้บริหารที่ยื่นคำขอจะต้องผ่านเกณฑ์ด้านระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง การพัฒนางานตามข้อตกลงในตำแหน่ง และการมีวินัย คุณธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพในช่วงระยะเวลาย้อนหลัง การประเมินดำเนินการโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 3 คน ที่พิจารณาผลงานตามตัวชี้วัดและเกณฑ์ที่กำหนดกระบวนการประเมินสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาระบบประเมินวิทยฐานะผู้บริหารสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังช่วยให้ผู้บริหารสถานศึกษามีความเข้าใจในกระบวนการประเมินที่ทันสมัย ลดความซ้ำซ้อน และเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติงานที่สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงในระบบการศึกษาและสังคม เพื่อให้การบริหารงานส่งผลต่อคุณภาพการศึกษาอย่างยั่งยืน</span></p> <p> </p> <p> </p> 2025-01-02T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยรามคำแหง https://so15.tci-thaijo.org/index.php/LEAD/article/view/1232 ความท้าทายและแนวทางการพัฒนาการบริหารหลักสูตรอิสลามศึกษาแบบเข้ม ในโรงเรียนประถมศึกษาของรัฐพื้นที่ชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย 2024-11-13T14:02:11+07:00 โสรยา อาแซ soraya6037@gmail.com สุนทรี วรรณไพเราะ suntaree@tsu.ac.th <p class="p1"><span class="s1"> บทความวิชาการนี้มุ่งวิเคราะห์ความท้าทายในการบริหารหลักสูตรอิสลามศึกษาแบบเข้ม ในโรงเรียนประถมศึกษาของรัฐพื้นที่ชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย และเสนอแนวทางการพัฒนาที่เหมาะสมผ่านการวิเคราะห์เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ผลการศึกษาพบความท้าทายหลัก 3 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านทรัพยากร ได้แก่ การขาดแคลนบุคลากรที่มีคุณภาพ งบประมาณจำกัด และสื่อการเรียนการสอนไม่เพียงพอ 2) ด้านหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน ได้แก่ ความไม่สอดคล้องของหลักสูตรกับบริบทท้องถิ่น และขาดนวัตกรรมการสอน และ 3) ด้านการบริหารจัดการ ได้แก่ การบริหารงานวิชาการ และการประสานงานระหว่างหน่วยงานและการมีส่วนร่วมของชุมชน นอกจากนี้ สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ยังส่งผลกระทบต่อการจัดการศึกษาอย่างมีนัยสำคัญ บทความนี้เสนอแนวทางการพัฒนาที่เน้นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ สถาบันการศึกษา และชุมชนท้องถิ่นในการพัฒนาหลักสูตรอิสลามศึกษาให้สอดคล้องกับบริบทพื้นที่และมาตรฐานการศึกษาชาติ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาอิสลามในพื้นที่อย่างยั่งยืน</span></p> 2025-01-02T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยรามคำแหง