https://so15.tci-thaijo.org/index.php/Journalbid/issue/feed
วารสารพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรม
2024-08-29T18:32:57+07:00
Asst. Prof. Dr. Supakorn Charoenprasit
Journal@bid.kmutnb.ac.th
Open Journal Systems
<p>Print ISSN : 2985-2242 Online ISSN : 2985-2250 </p> <p>กำหนดออก : 3 ฉบับต่อปี ฉบับที่ 1 มกราคม – เมษายน ฉบับที่ 2 พฤษภาคม – สิงหาคม และฉบับที่ 3 กันยายน – ธันวาคม</p> <p>นโยบายและขอบเขตการตีพิมพ์ : วารสารฯ มีนโยบายรับตีพิมพ์บทความในด้านธุรกิจและอุตสาหกรรม ด้านทรัพยากรมนุษย์ ด้านการบริหารจัดการองค์กรในภาครัฐและเอกชน และด้านอุตสาหกรรมสัมพันธ์</p>
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/Journalbid/article/view/1116
บทบรรณาธิการ
2024-08-29T18:30:05+07:00
ศุภกร เจริญประสิทธิ์
supakorn.c@bid.kmutnb.ac.th
2024-08-29T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/Journalbid/article/view/1115
การวิเคราะห์เส้นทางวิกฤติ และการบริหารความเสี่ยงของโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มสารสกัดแพนดูเรทินเอและพินอสตรอบินของศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน)
2024-08-29T18:19:49+07:00
ชนพล แสงเรืองรอง
chanaphon.srrr@gmail.com
ศุภกร เจริญประสิทธิ์
supakorn.c@bid.kmutnb.ac.th
ชุษณา เทียนทอง
Choosana.t@bid.kmutnb.ac.th
<p>การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) วิเคราะห์เส้นทางวิกฤติของโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ฯ และ 2) วิเคราะห์และศึกษาแนวทางบริหารเสี่ยงของโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ฯ โดยจากการศึกษารายละเอียดของโครงการ ตามที่มีการขอขยายระยะเวลาในการดำเนินโครงการ ทำให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินโครงการและก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการมากขึ้น ซึ่งทำให้ผู้วิจัยเห็นความสำคัญของการวิเคราะห์และศึกษาแนวทางในการบริหารความเสี่ยงของโครงการดังกล่าว โดยจากการตรวจสอบการบริหารโครงการของนักวิจัยหรือผู้รับผิดชอบโครงการและการวางแผนการดำเนินงาน พบว่ามีปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้จึงทำให้โครงการไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดไว้ได้ มาช่วยในการวิเคราะห์เส้นทางวิกฤติของโครงการ ด้วยเทคนิค CPM (Critical Path Method) ผลการวิเคราะห์ พบว่า โครงการมีกิจกรรมวิกฤติทั้งหมด 11 กิจกรรมจากทั้งหมด 13กิจกรรม อันเนื่องมาจากสาเหตุ 2 ประการ คือ ไม่มีแผนบริหารจัดการในสภาวะฉุกเฉิน และไม่มีแผนการรองรับความเสี่ยง แนวทางในการแก้ไขปัญหาเพื่อที่จะควบคุมสาเหตุได้แก่ ควรจัดให้มีการออกแบบฟอร์มรายงานความเสี่ยงและการติดตามโครงการเพื่ออำนวยความสะดวกของกรรมการผู้ติดตามโครงการให้สามารถนำมาใช้ในการควบคุมและติดตามให้การปฏิบัติงานเป็นไปตามกำหนดการที่ตั้งไว้ได้</p>
2024-08-29T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/Journalbid/article/view/356
อิทธิพลของภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการเป็นพนักงานที่ดีขององค์กรในธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์
2024-01-03T14:32:29+07:00
จุฑารัตน์ ปิณฑะแพทย์
jutharat.p@bid.kmutnb.ac.th
ธงชัย นิลคำ
thongchain@kmutnb.ac.th
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับการรับรู้ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้นำในองค์กรในธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ 2) ระดับพฤติกรรมการเป็นพนักงานที่ดีขององค์กรในธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และ 3) อิทธิพลของภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการเป็นพนักงานที่ดีขององค์กรในธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ดำเนินการวิจัยแบบผสมผสานทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างผู้ให้ข้อมูลเชิงคุณภาพ ได้แก่ ผู้บริหารระดับสูงในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม จำนวน 6 คน กลุ่มตัวอย่างที่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณ ได้แก่ พนักงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการร่วมกิจกรรมการบำรุงรักษาแบบทุกคนมีส่วนร่วมในส่วนสำนักงานในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม รหัสประเภทโรงงาน 29309 ที่ประกอบกิจการเกี่ยวกับการผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริมสำหรับยานยนต์ ที่จดทะเบียนนิติบุคคลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ จำนวน 284 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์เชิงลึกกึ่งโครงสร้าง การบันทึกข้อมูลการประชุมสนทนากลุ่ม และแบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณใช้การวิเคราะห์ทางสถิติโดยการแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้าง ผลการวิจัย พบว่า ด้านภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง องค์ประกอบที่มีค่าน้ำหนักมากที่สุด คือ การมีอิทธิพลเชิงบารมี รองลงมาคือ การสร้างแรงบันดาลใจ การคำนึงถึงความเป็นปัจเจกบุคคล และการกระตุ้นทางปัญญา ด้านพฤติกรรมการเป็นพนักงานที่ดีขององค์กร องค์ประกอบที่มีค่าน้ำหนักมากที่สุด คือ ความสำนึกในหน้าที่ รองลงมาคือ การให้ความร่วมมือ การให้ความช่วยเหลือ ความอดทนอดกลั้น และการมีความเห็นอกเห็นใจ ผลการวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้างอิทธิพลของภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการเป็นพนักงานที่ดีขององค์กรในธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ พบว่า โมเดลมีความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาสมรรถนะของผู้นำในธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เพื่อเพิ่มศักยภาพของผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ให้สูงขึ้นได้</p>
2024-08-29T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรม
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/Journalbid/article/view/373
การศึกษาผลสัมฤทธิ์ของการใช้ System Flowchart เกี่ยวกับหลักการคิดค่าเสื่อมหมวดที่ดินและสิ่งก่อสร้าง
2024-03-06T13:31:26+07:00
นงนุช ทองสิงห์คลี
nongnuch.t@op.kmutnb.ac.th
<p>งานวิจัยเรื่องนี้ศึกษาผลสัมฤทธิ์ของการใช้ System Flowchart เกี่ยวกับหลักการคิดค่าเสื่อมหมวดที่ดินและสิ่งก่อสร้าง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) สร้าง System Flowchart สำหรับศึกษาแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการคิดค่าเสื่อมหมวดที่ดินและสิ่งก่อสร้าง ตามเกณฑ์สำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี และกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง (2) วัดผลสัมฤทธิ์ของ System Flowchart ที่ใช้ตัดสินใจเกี่ยวกับหลักการคิดค่าเสื่อมหมวดที่ดินและสิ่งก่อสร้าง (3) ศึกษาระดับความพึงพอใจในการใช้เครื่องมือที่สร้างขึ้น กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ศึกษามี 3 กลุ่ม จำนวน 15 คน ประกอบด้วย ผู้บริหาร อาจารย์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้าง ผู้ปฏิบัติงานพัสดุ และศึกษาเอกสารเพื่อนำข้อมูลมาประกอบในการวิจัยครั้งนี้ เป็นการตรวจสอบข้อมูลแบบสามเส้า การศึกษาใช้วิธีเฉพาะเจาะจงกับกลุ่มตัวอย่างที่ทำบททดสอบ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ สถิติพื้นฐาน ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย (x ̅) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่างานที่ต้องคิดค่าเสื่อมหมวดที่ดินและสิ่งก่อสร้าง ได้แก่ งานจ้างออกแบบ งานควบคุมงานก่อสร้าง งานก่อสร้างใหม่ และงานซ่อมแซม ปรับปรุง ต่อเติม ทำให้พื้นที่เพิ่ม จากการศึกษาทำให้ได้ System Flowchart สำหรับใช้ประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับหลักการคิดค่าเสื่อมหมวดที่ดินและสิ่งก่อสร้าง ผลสัมฤทธิ์จากการใช้ System Flowchart ของกลุ่มตัวอย่างผู้บริหาร อาจารย์ และผู้ปฏิบัติงานพัสดุ มีค่าในระดับสูง กลุ่มตัวอย่างทั้ง 3 กลุ่ม สามารถใช้เครื่องมือได้อย่างถูกต้องร้อยละ100 และมีความพึงพอใจต่อการใช้งาน System Flowchart เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับหลักการคิดค่าเสื่อมหมวดที่ดินและสิ่งก่อสร้างอยู่ในเกณฑ์ระดับความพึงพอใจมาก</p>
2024-08-29T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรม
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/Journalbid/article/view/426
การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างบทบาทของการเป็นหุ้นส่วนองค์กรของนักทรัพยากรมนุษย์กับประสิทธิภาพขององค์กร บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจแห่งหนึ่ง
2024-04-23T15:29:07+07:00
เอกสิทธิ์ วงศ์ใหญ่
s6416011856069@email.kmutnb.ac.th
ณัฏฐิรา หอพิบูลสุข
nattira.h@bid.kmutnb.ac.th
เชฐธิดา กุศลาไสยานนท์
chedthida.kus@gmail.com
<p>การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาบทบาทการเป็นหุ้นส่วนองค์กรของตำแหน่งนักทรัพยากรมนุษย์ขององค์กร (Human Resources Business Partner : HRBP) บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจ 2) ศึกษาประสิทธิภาพขององค์กร 3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างบทบาทการเป็น HRBP กับประสิทธิภาพขององค์กร 4) ศึกษาแนวทางการพัฒนาบทบาทการเป็น HRBP 5) เปรียบเทียบผลวิเคราะห์ข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างบทบาทของ HRBP กับประสิทธิภาพขององค์กรเชิงปริมาณและคุณภาพ วิจัยใช้แบบผสมผสาน ประชากรสำหรับวิจัยเชิงประมาณคือพนักงานระดับปฏิบัติการ 200 คนที่ในแผนกที่มีเจ้าหน้าที่ HRBP ประจำอยู่ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญเชิงคุณภาพคือ ผู้บริหารจำนวน 3 คน เครื่องมือได้แก่ แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยประชากร ค่าความแปรปรวน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ และการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) บทบาทการเป็นหุ้นส่วนของนักทรัพยากรมนุษย์โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยด้านผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการอยู่ในลำดับหนึ่ง รองลงมาคือ ด้านผู้เป็นหุ้นส่วนทางกลยุทธ์ ด้านผู้เป็นปากเสียงพนักงาน และด้านผู้นำด้านการเปลี่ยนแปลง 2) ระดับประสิทธิภาพขององค์กรโดยรวมอยู่ในระดับมาก โดยด้านเวลาอยู่ในอันดับหนึ่ง รองลงมาคือด้านคุณภาพของงาน ด้านปริมาณงาน และด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 3) บทบาท HRBP มีความสัมพันธ์กับประสิทธิภาพขององค์กรทุกข้อ ด้านผู้เป็นหุ้นส่วนทางกลยุทธ์มีความสัมพันธ์กับประสิทธิภาพขององค์กรในระดับสูง ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการ และด้านผู้เป็นปากเสียงพนักงาน มีความสัมพันธ์กับประสิทธิภาพขององค์กรในระดับค่อนข้างสูง ด้านผู้นำด้านการเปลี่ยนแปลง มีความสัมพันธ์กับประสิทธิภาพขององค์กรในระดับปานกลาง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ทุกข้อ 4) แนวทางการพัฒนาบทบาทการเป็น HRBP ได้แก่ ด้านการติดต่อสื่อสารในหน่วยงานต่าง ๆ เน้นการพัฒนาทัศนคติ การเข้าใจวัฒนธรรมองค์กร ศึกษาแนวทางการปรับใช้เทคโนโลยี 5) ผลการเปรียบเทียบข้อมูลเชิงปริมาณ และคุณภาพ พบว่าบทบาทการเป็น HRBP สัมพันธ์กับประสิทธิภาพองค์กร การสัมภาษณ์ยืนยันข้อมูลดังกล่าวจากผลสรุปที่ว่า HRBP ช่วยในการสื่อสารวิสัยทัศน์ร่วม วัตถุประสงค์องค์กร และเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กร</p>
2024-08-29T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรม
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/Journalbid/article/view/545
Material Selection for Natural rubber–Styrene butadine rubber Composite by Analytic Hierarchy Process
2024-02-23T14:03:47+07:00
Phatcharee Phoempoon
phatcharee.ph@skru.ac.th
Weerachai Sangchay
weerachai.sa@skru.ac.th
Kantamon Sukrajang
weerachai.sa@skru.ac.th
Tanarat Rattanakool
weerachai.sa@skru.ac.th
<p>Natural Rubber (NR) has distinctive characteristics, namely, it possesses strength, reduces heat accumulation, and performs well at low temperatures, surpassing Styrene Butadiene Rubber (SBR). However, SBR has its own merits, such as resistance to cracking, wet road traction, and better weather resistance than NR. Consequently, in the automotive tire manufacturing industry, NR and SBR are commonly mixed in various ratios. Additionally, this blending aids in cost reduction during production. Thus, this research explores the mixing ratios between NR and SBR at 100/0, 75/25, 50/50, 25/75, and 0/100 using the Analytical Hierarchy Process (AHP) technique as a tool to manage values obtained from tests, including tensile strength, tear resistance, and 300% modulus. All these criteria are amalgamated into a single value to facilitate decision-making in selecting the most suitable ratios. It was found that 100/0 was the most preferable option, followed by 0/100, 75/25, 50/50, and 25/75.</p>
2024-08-29T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรม
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/Journalbid/article/view/763
การรับรู้ภาพลักษณ์ที่ส่งผลต่อความจงรักภักดีของลูกค้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในประเทศไทย
2024-05-18T12:04:07+07:00
ชุติกร ปรุงเกียรติ
chutikorn.turnitin@gmail.com
พรหมจิรา เจาลา
Chutikorn.pr@rmuti.ac.th
ปิยะ แก้วบัวดี
Chutikorn.pr@rmuti.ac.th
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการซื้อสินค้าและบริการของลูกค้า 2) เพื่อศึกษาระดับการรับรู้ภาพลักษณ์ขององค์กร ความพึงพอใจของลูกค้า และความจงรักภักดีของลูกค้า และ 3) เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อความจงรักภักดีของลูกค้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในประเทศไทย กลุ่มตัวอย่างเลือกจากลูกค้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในประเทศไทยด้วยวิธีตามความสะดวก 384 ราย แบบสอบถามแบบออนไลน์ที่ผ่านการทดสอบความเที่ยงตรงและความเชื่อมั่นแล้วเป็นเครื่องมือในการวิจัยครั้งนี้ วิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และทดสอบสมมติฐานด้วยการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการศึกษาพบว่า 1) กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ซื้อสินค้าประเภทสินค้าบริโภค ชำระค่าสินค้าด้วยเงินสด ครั้งละ 101-200 บาท ใช้เวลาในร้านไม่เกิน 15 นาที ในช่วงเวลา 18:01-21:00 น. ซื้อสินค้าหรือบริการ 1-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เลือกใช้บริการร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่มีทำเลใกล้บ้าน 2) กลุ่มตัวอย่างมีระดับการรับรู้ภาพลักษณ์ขององค์กร ความพึงพอใจของลูกค้า และความจงรักภักดีของลูกค้า อยู่ในระดับมาก และ3) การรับรู้ภาพลักษณ์ขององค์กร 3 ด้าน (ด้านตราสินค้า ด้านรูปแบบและลักษณะของร้าน และด้านบรรยากาศและสภาพแวดล้อม) มีอิทธิพลเชิงบวกต่อความพึงพอใจของลูกค้า และความจงรักภักดีของลูกค้า นอกจากนั้น ความพึงพอใจของลูกค้ามีอิทธิพลเชิงบวกต่อความจงรักภักดีของลูกค้า ที่ระดับนัยสำคัญ 0.05</p>
2024-08-29T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรม
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/Journalbid/article/view/789
การวิเคราะห์งบประมาณการลงทุนโครงการซื้อรถเทรลเลอร์สำหรับงานตอกเสาเข็ม กรณีศึกษา บริษัท ร้อยเอ็ดคอนกรีตอัดแรง จำกัด
2024-06-10T14:01:30+07:00
รสิตา ทับเกลี้ยง
rasita.t@kkumail.com
ภิเษก ชัยนิรันดร์
rasita.t@kkumail.com
<p>การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อวิเคราะห์งบประมาณการลงทุนของโครงการซื้อรถเทรลเลอร์สำหรับงานตอกเสาเข็ม กรณีศึกษา บริษัท ร้อยเอ็ดคอนกรีตอัดแรง จำกัด (2) เพื่อเปรียบเทียบและสรุปทางเลือกระหว่างการลงทุนซื้อรถเทรลเลอร์กับการจ้างผู้รับเหมาภายนอก โดยใช้ทฤษฎีทางการเงินในการพิจารณา ได้แก่ การคาดการณ์กระแสเงินสด ต้นทุนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก มูลค่าปัจจุบันสุทธิ อัตราผลตอบแทนภายใน อัตราผลตอบแทนภายในแบบปรับปรุง ระยะเวลาคืนทุน ระยะเวลาคืนทุนคิดลด และวิเคราะห์ความอ่อนไหวของโครงการ ด้านการลงทุนใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 3,550,000 บาท โดยเป็นเงินส่วนของเจ้าของ จำนวน 532,500 บาท และกู้สถาบันการเงิน จำนวน 3,017,500 บาท ต้นทุนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก เท่ากับ 4.21% การวิเคราะห์งบประมาณการลงทุนตามทฤษฎีทางการเงิน ผลการศึกษาพบว่า กรณีจ้างผู้รับเหมาภายนอก มีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ เท่ากับ 8,813,386.51 บาทมากกว่ากรณีลงทุนซื้อรถเทรลเลอร์ ซึ่งมีค่าเท่ากับ 5,997,712.07 บาท อัตราผลตอบแทนภายใน เท่ากับ 89.9% และอัตราผลตอบแทนภายในแบบปรับปรุง เท่ากับ 34.4% มีระยะเวลาคืนทุน 1.17 ปี และระยะเวลาคืนทุนแบบคิดลด 1.247 ปี การวิเคราะห์ความอ่อนไหวของโครงการ กรณีจ้างผู้รับเหมาภายนอก สถานการณ์ที่แย่ที่สุด มีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ เท่ากับ 7,007,043.61 บาท กรณีลงทุนซื้อรถเทรลเลอร์ สถานการณ์ที่แย่ที่สุด มูลค่าปัจจุบันสุทธิ เท่ากับ 3,596,104.38 บาท จากการคำนวณดังกล่าวสามารถตัดสินใจได้ว่าบริษัท ร้อยเอ็ดคอนกรีตอัดแรง จำกัด ควรลงทุนในโครงการจ้างผู้รับเหมาภายนอก เพราะมีมูลค่าปัจจุบันสุทธิมากที่สุด</p>
2024-08-29T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรม
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/Journalbid/article/view/851
การพัฒนารูปแบบศักยภาพในการปฏิบัติงานของผู้จัดการฝ่ายผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมผลิตบรรจุภัณฑ์โลหะในยุคดิจิทัล
2024-07-04T15:56:45+07:00
ทยา ปิณฑะแพทย์
kennytaya828@gmail.com
สมนึก วิสุทธิแพทย์
kennytaya828@gmail.com
ธีรวุฒิ บุณยโสภณ
kennytaya828@gmail.com
วรทิน พิศาลพงศ์
kennytaya828@gmail.com
<p>การพัฒนารูปแบบศักยภาพในการปฏิบัติงานของผู้จัดการฝ่ายผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมผลิตบรรจุภัณฑ์โลหะในยุคดิจิทัล มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาองค์ประกอบศักยภาพในการปฏิบัติงานของผู้จัดการฝ่ายผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมผลิตบรรจุภัณฑ์โลหะในยุคดิจิทัล 2) พัฒนารูปแบบศักยภาพในการปฏิบัติงานของผู้จัดการฝ่ายผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมผลิตบรรจุภัณฑ์โลหะในยุคดิจิทัล และ 3) จัดทำคู่มือแนวทางการพัฒนาศักยภาพในการปฏิบัติงานของผู้จัดการฝ่ายผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมผลิตบรรจุภัณฑ์โลหะในยุคดิจิทัล โดยใช้เครื่องมือในการวิจัยด้วยเทคนิคเดลฟายและการประชุมสัมมนากลุ่มย่อย ผู้ให้ข้อมูลในเทคนิคเดลฟาย ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นผู้บริหารและผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์ในด้านการผลิตบรรจุภัณฑ์โลหะในโรงงานอุตสาหกรรม จำนวน 19 คน และผู้เข้าร่วมในการประชุมการสัมมนากลุ่มย่อย ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิในด้านอุตสาหกรรมการผลิตบรรจุภัณฑ์โลหะ และนักวิชาการ จำนวน 13 คน การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพใช้วิธีวิเคราะห์เชิงเนื้อหา และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณใช้ค่าสถิติมัธยฐาน (Median) และค่าพิสัยระหว่างควอไทล์ (Inter Quartile Range) ผลการวิจัย พบว่า รูปแบบศักยภาพในการปฏิบัติงานของผู้จัดการฝ่ายผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมผลิตบรรจุภัณฑ์โลหะในยุคดิจิทัล ประกอบด้วย 3 มิติ 6 องค์ประกอบหลัก 20 องค์ประกอบรอง มิติและองค์ประกอบหลัก ได้แก่ มิติด้านการปฏิบัติงานการผลิต ประกอบด้วย 2 องค์ประกอบหลัก ด้านความรู้ในงานผลิตบรรจุภัณฑ์โลหะ และ ด้านทักษะในกระบวนการผลิตด้วยระบบดิจิทัล มิติด้านการบริหารการผลิต ประกอบด้วย 2 องค์ประกอบหลัก ด้านการบริหารองค์กรฝ่ายผลิต และ ด้านการบริหารคุณภาพการผลิต มิติด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ประกอบด้วย2 องค์ประกอบหลัก ด้านคุณลักษณะเฉพาะตน และ ด้านคุณลักษณะผู้บริหาร ผลการจัดทำคู่มือแนวทางในการพัฒนาศักยภาพในการปฏิบัติงานของผู้จัดการฝ่ายผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมผลิตบรรจุภัณฑ์โลหะในยุคดิจิทัล แบ่งออกเป็น ส่วนที่ 1 การแนะนำคู่มือ และส่วนที่ 2 แนวทางในการพัฒนาศักยภาพในการปฏิบัติงานของผู้จัดการฝ่ายผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมผลิตบรรจุภัณฑ์โลหะในยุคดิจิทัล รูปแบบและคู่มือแนวทางในการพัฒนาศักยภาพในการปฏิบัติงานของผู้จัดการฝ่ายผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมผลิตบรรจุภัณฑ์โลหะในยุคดิจิทัลได้รับการลงมติเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากผู้ทรงคุณวุฒิในด้านความเหมาะสมในการนำไปประยุกต์ใช้ในระดับดี </p>
2024-08-29T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรม