https://so15.tci-thaijo.org/index.php/A_EMS/issue/feed
Applied Economics, Management and Social Sciences
2025-08-27T15:46:29+07:00
Open Journal Systems
<p><strong>นโยบายของวารสาร (</strong><strong>Journal Policies )</strong></p> <p><strong>จุดมุ่งหมายและขอบเขต (</strong><strong>Aim and Scope)<br /></strong> Applied Economics, Management and Social Sciences (AEMS) มีจุดมุ่งหมายเพื่อเผยแพร่บทความวิจัย และบทความวิชาการ ในสาขาสังคมศาสตร์ ได้แก่ เศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจ, สาขารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์, พัฒนาสังคม, จิตวิทยา การศึกษา รวมถึง สหวิทยาการเชิงประยุกต์ด้านสังคมศาสตร์ วารสารตีพิมพ์เผยแพร่บทความออนไลน์ ปีละ 3 ฉบับ โดยทุกบทความที่ตีพิมพ์เผยแพร่ได้ผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ 2-3 ท่าน โดยผู้พิจารณาบทความจะไม่ทราบชื่อผู้นิพนธ์บทความ และผู้นิพนธ์บทความจะไม่ทราบชื่อผู้พิจารณาบทความเช่นเดียวกัน (Double-Blind Peer Review) AEMS เปิดรับบทความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ</p> <p><strong>ประเภทของผลงานที่ตีพิมพ์ในวารสาร (</strong><strong>Types of articles)<br /></strong> 1) บทความวิจัย (Research Article) เป็นบทความที่นำเสนอการค้นคว้าวิจัย เกี่ยวกับด้านสังคมศาสตร์ และรวมถึงสหวิทยาการเชิงประยุกต์ด้านสังคมศาสตร์<br /> 2) บทความวิชาการ (Academic Article) เป็นบทความวิเคราะห์ วิจารณ์หรือเสนอแนวคิดใหม่</p> <p><strong>กำหนดออกเผยแพร่วารสาร (</strong><strong>Publication schedule)<br /></strong> Applied Economics, Management and Social Sciences มีกำหนดการเผยแพร่ปีละ 3 ฉบับ ดังนี้<br />- ฉบับที่ 1 มกราคม – เมษายน<br />- ฉบับที่ 2 พฤษภาคม – สิงหาคม <br />- ฉบับที่ 3 กันยายน – ธันวาคม</p> <p><strong>อัตราค่าธรรมเนียมตีพิมพ์บทความ (</strong><strong>Publication fee)<br /></strong> เปิดรับบทความวิจัย และบทความวิชาการ <strong>โดยไม่มีค่าธรรมเนียมในการตีพิมพ์</strong></p> <p><strong>กระบวนการการพิจารณาบทความ (</strong><strong>Review process)<br /></strong> บทความแต่ละบทความจะได้รับพิจารณาจากคณะกรรมการกลั่นกรองบทความวารสาร (Peer Review) จากผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน ที่มีความเชี่ยวชาญตรงตามสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง โดยจากหลากหลายสถาบันและต่างสังกัดกับผู้เขียน และได้รับความเห็นชอบจากกองบรรณาธิการก่อนตีพิมพ์ ทั้งนี้จะมีรูปแบบที่ผู้พิจารณาบทความไม่ทราบชื่อผู้นิพนธ์บทความและผู้นิพนธ์บทความไม่ทราบชื่อผู้พิจารณาบทความเช่นเดียวกัน (Double-Blind Peer Review) โดยมีขั้นตอนดังนี้<br /> 1) บทความวิจัย และบทความวิชาการ ทางกองบรรณาธิการวารสารจะพิจารณาเบื้องต้นในด้านคุณภาพของบทความ หากเห็นว่าไม่มีคุณภาพเพียงพอจะไม่ดำเนินการต่อ หรืออาจส่งให้ปรับแก้ไขก่อ<br /> 2) บทความที่พิจารณาแล้วเหมาะสม มีคุณภาพ จะส่งผู้ทรงคุณวุฒิตามความเชี่ยวชาญของสาขาวิชานั้น พิจารณากลั่นกรอง (Peer review) 3 ท่าน <br /> 3) เมื่อผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณา ผลเป็นประการใดทางกองบรรณาธิการจะแจ้งให้ท่านทราบ หลังจากได้รับจากผู้ทรงคุณวุฒิครบทั้ง 3 ท่าน<br /> 4) ข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิท่านต้องปรับแก้ หากไม่ปรับแก้จะไม่ได้รับการตีพิมพ์ <br /> กระบวนการโดยรวม ใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 60 วัน ทั้งนี้ขึ้นกับผูพิจารณาบทความ และการปรับแก้ไขของผู้ประพันธ์<br /> ผลการประเมินมี 4 แบบ คือ 1) เห็นควรได้รับการตีพิมพ์โดยไม่ต้องแก้ไข 2) ควรปรับปรุงแก้ไขก่อนการตีพิมพ์ (มอบหมายให้กองบรรณาธิการพิจารณาต่อ) 3) ควรปรับปรุงแก้ไขก่อนการตีพิมพ์ (โดยส่งมาให้พิจารณาใหม่) 4) ไม่สมควรได้รับการตีพิมพ์ </p> <p><strong>เกณฑ์การพิจารณาบทความ (</strong><strong>Review criteria)<br /></strong> 1) บทความวิจัย และบทความวิชาการ ทางกองบรรณาธิการวารสารจะพิจารณาเบื้องต้น ในด้านคุณภาพของบทความ และการจัดรูปแบบให้เป็นไปตามข้อกำหนดของวารสารฯ หากเห็นว่าไม่มีคุณภาพเพียงพอจะไม่ดำเนินการต่อ หรืออาจส่งให้ปรับแก้ไขก่อน บทความที่พิจารณาแล้วเหมาะสม มีคุณภาพ จะส่งผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกตามความเชี่ยวชาญของสาขาวิชานั้น พิจารณากลั่นกรอง (Peer review) 3 ท่าน<br /> 2) เมื่อผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณา ผลเป็นประการใดทางกองบรรณาธิการจะแจ้งให้ท่านทราบ<br /> 3) ข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิท่านต้องปรับแก้ หากไม่ปรับแก้จะไม่ได้รับการตีพิมพ์<br /> 4) เมื่อมีการปรับแก้เป็นไปตามผู้ทรงคุณวุฒิ กองบรรณาธิการจะตรวจสอบความสมบูรณ์เนื้อหาบทความให้เป็นไปตามรูปแบบของวารสาร และตรวจสอบไฟล์รูปภาพที่ใช้ในบทความที่มีความคมชัดในการจัดพิมพ์ก่อนเผยแพร่บทความ</p>
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/A_EMS/article/view/1217
บูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ในยุคของอุตสาหกรรม 4.0 ตามแนวคิดแบบลีนและแอจไจล์
2025-08-27T14:28:09+07:00
พงษธร เทพไกรวัล
phongsathorn29@gmail.com
เอกชัย คุปตาวาทิน
phongsathorn29@gmail.com
มณฑิรา พรมดี
phongsathorn29@gmail.com
สานิตย์ ปัตตะเน
phongsathorn29@gmail.com
ฉัตรชัย สุตีกษณะ
phongsathorn29@gmail.com
พัลลภ พรมสาเพ็ชร
phongsathorn29@gmail.com
<p>การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์การบูรณาการการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในยุคอุตสาหกรรม 4.0 โดยใช้หลักการลีน (Lean) และแอจไจล์ (Agile) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานขององค์กร การวิเคราะห์แบ่งออกเป็น 5 มิติหลัก ได้แก่ คุณภาพ (Quality) ความยืดหยุ่น (Flexibility) ต้นทุน (Cost) เวลา (Time) และความยั่งยืน (Sustainability) ผลการทบทวนวรรณกรรมพบว่า ความยืดหยุ่นเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลสูงสุด คิดเป็นร้อยละ 33.67 ขณะที่คุณภาพและความยั่งยืนมีสัดส่วนน้อยกว่า แต่ยังคงมีบทบาทสำคัญต่อการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน อีกทั้งการเชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรม 4.0 กับการบริหารแบบแอจไจล์มีสัดส่วนถึงร้อยละ 69.39 สะท้อนถึงความสามารถขององค์กรในการลดความสูญเปล่าและเพิ่มการปรับตัว ผลการศึกษายังชี้ให้เห็นองค์ประกอบสำคัญของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในบริบทอุตสาหกรรม 4.0 ได้แก่ (1) การพัฒนาบุคลากร (HRD) ผ่านการฝึกอบรมและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (2) การจัดการประสิทธิภาพ (Performance Management) ด้วยระบบประเมินผลที่แม่นยำและโปร่งใส (3) การสรรหาและคัดเลือกบุคลากร (Recruitment and Selection) โดยใช้ AI และระบบอัตโนมัติ (4) วัฒนธรรมองค์กร (Organizational Culture) ที่ส่งเสริมการทำงานร่วมกันและการเรียนรู้ (5) การบริหารความหลากหลาย (Diversity Management) เพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และ (6) การตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูล (Data-Driven Decision Making) เพื่อปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลง โดยสรุป การบูรณาการแนวคิดลีนและแอจไจล์กับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ช่วยให้องค์กรรับมือกับความท้าทายของอุตสาหกรรม 4.0 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่ยืดหยุ่น ยั่งยืน และเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน แนวทางดังกล่าวยังช่วยให้องค์กรมีโครงสร้างการบริหารที่ยืดหยุ่น ลดความสูญเปล่า และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและตลาดได้อย่างต่อเนื่อง</p>
2025-08-27T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Applied Economics, Management and Social Sciences
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/A_EMS/article/view/2090
ความพึงพอใจต่อคุณลักษณะฉลากผู้บริโภครักษ์โลกบนผลิตภัณฑ์กาแฟแบบใต้ร่มเงาของผู้บริโภคในกรุงเทพมหานคร
2025-08-02T15:39:53+07:00
อภิวัตต์ อภิพัฒน์วสุ
apiwat.api@ku.th
สุวรรณา ประณีตวตกุล
suwanna.p@ku.th
กิตติชัย ดวงมาลย์
kittichai.d@ku.ac.th
นภสม สินเพิ่มสุขสกุล
nopasom.s@ku.th
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อประมวลสภาพเศรษฐกิจและสังคมของกลุ่มตัวอย่างผู้บริโภค 2) เพื่อศึกษาความรู้ ความคิดเห็น และพฤติกรรมของกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อคุณลักษณะผลิตภัณฑ์กาแฟที่ติดฉลากผู้บริโภครักษ์โลกบนผลิตภัณฑ์กาแฟแบบใต้ร่มเงา 3) เพื่อวิเคราะห์ความเต็มใจจ่ายของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์กาแฟที่ติดฉลากผู้บริโภครักษ์โลกบนผลิตภัณฑ์กาแฟแบบใต้ร่มเงา เก็บรวบรวมจากกลุ่มตัวอย่างผู้บริโภคกาแฟที่มีอายุระหว่าง 18–60 ปี จำนวน 300 ตัวอย่าง ในกรุงเทพมหานคร เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถาม และวิเคราะห์ด้วยแบบจำลองทางเลือก (Choice Experiment) ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างเป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิงเล็กน้อย ระดับการศึกษาปริญญาตรีพบมากที่สุด อาชีพที่พบในอันดับแรกเป็นพนักงานบริษัทเอกชน และมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 15,001 – 30,000 บาท ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีความถี่ในการบริโภคกาแฟเฉลี่ยวันละ 1 แก้ว และส่วนใหญ่มีความรู้และความเข้าใจในระดับดีเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์กาแฟที่มีฉลากรักษ์โลก โดยร้อยละ 62.1 ของกลุ่มตัวอย่างไม่เคยซื้อผลิตภัณฑ์กาแฟที่มีฉลากรับรองด้านสิ่งแวดล้อมมาก่อน แต่มีแนวโน้มสนใจและพร้อมจ่ายในราคาสูงขึ้นโดยคุณลักษณะที่มีผลต่อความเต็มใจจ่ายมากที่สุด คือ ฉลากผู้บริโภครักษ์โลกบนผลิตภัณฑ์กาแฟแบบใต้ร่มเงา 236.94 บาท/ถุง (250 กรัม) และฉลากมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ 101.85 บาท/ถุง (250 กรัม) ดังนั้น ภาครัฐควรส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับฉลากและประโยชน์ของกาแฟแบบใต้ร่มเงา การส่งเสริมให้ผู้ผลิตกาแฟหันมาใช้ฉลากที่สื่อสารถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อผลักดันพฤติกรรมการบริโภคที่ยั่งยืนในระยะยาว</p>
2025-08-27T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Applied Economics, Management and Social Sciences
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/A_EMS/article/view/1071
ความเต็มใจจ่ายสำหรับวัคซีน HPV ในกรุงเทพมหานคร
2024-08-28T12:20:32+07:00
นิราภร สืบวงค์
niraporn.s@ku.th
<p>การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหามูลค่าความเต็มใจจ่ายสำหรับวัคซีน HPV ในกรุงเทพมหานคร และปัจจัยที่กำหนดความเต็มใจจ่ายสำหรับวัคซีน HPV ในกรุงเทพมหานคร ที่มีอายุ 18-45 ปี จำนวน 430 ตัวอย่าง ด้วยวิธี Contingent Valuation Method แบบ Bidding Game พบว่า ความเต็มใจจ่ายสำหรับวัคซีน HPV เท่ากับ 3,203.96 บาท/เข็ม นอกจากนี้ยังศึกษาปัจจัยที่กำหนดความเต็มใจจ่ายด้วยการประมาณค่าสมการถดถอยพหูคูณ (Multiple Regression Analysis) พบว่า รายได้ครัวเรือน ความรู้เกี่ยวกับ HPV สวัสดิการค่ารักษาพยาบาล เพศ และบุคคลที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวัคซีน HPV เป็นปัจจัยที่กำหนดความเต็มใจจ่ายสำหรับวัคซีน HPV ผลการศึกษานี้อาจเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการสถานพยาบาลใช้เป็นข้อมูลประกอบการตั้งราคาจำหน่ายให้เหมาะกับความต้องการของประชาชน และเป็นข้อมูลประกอบการออกนโยบายเงินอุดหนุนการฉีดวัคซีน HPV</p>
2025-08-27T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Applied Economics, Management and Social Sciences
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/A_EMS/article/view/2087
ผลกระทบของส่วนผสมทางการตลาดต่อต่อพฤติกรรมการใช้บริการร้านสหกรณ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จำกัด
2025-07-31T11:55:22+07:00
ณัฐพงศ์ บัวบางงอน
natthaphongbbn@gmail.com
วีรวัฒน์ แก้วชิงดวง
weerawatome159@gmail.com
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลกระทบของส่วนประสมทางการตลาด (7Ps) ต่อพฤติกรรมการใช้บริการร้านสหกรณ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จำกัด การวิจัยนี้เป็นงานวิจัยเชิงสำรวจ ประชากรเป้าหมายคือนิสิตระดับปริญญาตรีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามและวิเคราะห์ด้วยสถิติไคสแควร์ (Chi-Square) ผลการวิจัยพบว่า ขั้นตอนการซื้อสินค้าที่สะดวกรวดเร็วส่งผลต่อประเภทสินค้าที่ซื้อ ความหลากหลายของสินค้าและการโฆษณาส่งผลต่อความถี่ในการใช้บริการ ราคาเป็นที่น่าพอใจ ราคามีความชัดเจนเป็นมาตรฐาน การจัดวางสินค้าในร้านเป็นระเบียบ และสามารถหาสินค้าได้อย่างสะดวกส่งผลต่อค่าใช้จ่ายต่อครั้ง ส่วนปัจจัยด้านสินค้าและบริการ ปัจจัยด้านราคา ด้านกระบวนการในส่วนของช่องทางการชำระเงิน และลักษณะทางกายภาพในส่วนที่ตั้งของร้านส่งผลต่อแนวโน้มการใช้บริการในอนาคต และปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาดทั้ง 7 ด้าน ส่งผลต่อการแนะนำให้ผู้อื่นมาใช้บริการ</p>
2025-08-27T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Applied Economics, Management and Social Sciences
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/A_EMS/article/view/1537
การเลือกสรรเทคโนโลยีบนความต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพบริหารเส้นทางขนส่งของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของผู้ให้บริการโลจิสติกส์ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและแนวคิดลีนในจังหวัดขอนแก่น
2025-04-01T14:40:30+07:00
พงษธร เทพไกรวัล
phongsathorn.th@rmuti.ac.th
เอกชัย คุปตาวาทิน
phongsathorn.th@rmuti.ac.th
มณฑิรา พรมดี
phongsathorn29@gmail.com
สานิตย์ ปัตตะเน
phongsathorn29@gmail.com
ฉัตรชัย สุตีกษณะ
phongsathorn29@gmail.com
พัลลภ พรมสาเพ็ชร
phongsathorn29@gmail.com
<p>งานวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาการผสานเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับแนวคิดลีน (Lean Thinking) สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเส้นทางการขนส่งและการกระจายสินค้าในธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมตั้งอยู่ในจังหวัดขอนแก่น โดยการวิจัยเน้นการลดความสูญเปล่าในกระบวนการปฏิบัติงานผ่านการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม ผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้วิธีการสนทนากลุ่มของผู้เชี่ยวชาญและผู้ประกอบการการให้บริการโลจิสติกส์จำนวน 12 คน โดยคัดเลือกเฉพาะผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่า 5 ปี ผู้วิจัยนำข้อมูลมาวิเคราะห์และเปรียบเทียบประสิทธิภาพของเทคโนโลยีที่นำไปใช้จริง ผลการศึกษาพบว่า เทคโนโลยี Vehicle Routing Problem (VRP) เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในการวางแผนเส้นทางโดยสามารถลดระยะทางช่วยให้การให้บริการรวดเร็วขึ้น สอดคล้องกับแนวคิดลีนที่มุ่งเน้นลดความสูญเปล่า ขณะเดียวกันเครื่องมือด้านการวิเคราะห์ข้อมูล เช่น Excel และ Power BI พบว่า ได้รับคะแนนสูงสุดที่ 61 คะแนน แสดงถึงศักยภาพในการสนับสนุนการตัดสินใจและลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น เครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูง โดย Excel VBA และ DAX ใน Power BI ได้รับคะแนน 31 คะแนน สะท้อนถึงความสามารถในการประมวลผลข้อมูลได้อย่างแม่นยำและเป็นระบบ เทคโนโลยีอื่นอย่าง จัดการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (Structured Query Language: SQL) ได้ 23 คะแนน RPA ได้ 18 คะแนน และ VR/AR ได้ 13 คะแนน ทำให้เห็นว่ามีความเหมาะสมน้อยกว่าสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดที่มีโครงสร้างการดำเนินงานไม่ซับซ้อนและมีทรัพยากรจำกัด โดยสรุป การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี VRP และเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลภายใต้กรอบแนวคิดลีน สามารถเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมมีประสิทธิภาพในกระบวนการดำเนินงานสร้างความสามารถในการแข่งขันในจังหวัดขอนแก่น พร้อมวางรากฐานสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืนของภาคธุรกิจในระดับภูมิภาค</p>
2025-08-27T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Applied Economics, Management and Social Sciences