วารสารทางวิชาการนาฬาคิรีปริทรรศน์
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/AJNP
<p><strong>วัตถุประสงค์</strong></p> <p><span style="font-size: 0.875rem;">1. เพื่อเป็นแหล่งตีพิมพ์เผยแพร่บทความวิชาการ บทความวิจัย บทวิจารณ์หนังสือและบทความวิชาการประเภทอื่นๆ</span></p> <p><span style="font-size: 0.875rem;">2. เพื่อเป็นสื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้เชิงวิชาการของนักวิจัยและนักวิชาการทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ</span></p> <p><span style="font-size: 0.875rem;">3. เพื่อเป็นพื้นที่เสนอองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนามนุษย์ตามหลักการศึกษา เชิงพระพุทธศาสนาและศาสตร์ต่างๆ</span></p> <p><span style="font-size: 0.875rem;">4. เพื่อพัฒนาวารสารให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานการประกันคุณภาพการศึกษาและเป็นการส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพผลงานการวิจัยและบทความทางวิชาการทางพระพุทธศาสนา ปรัชญา ศาสนาและศาสตร์ต่างๆ ให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน TCI</span></p>
กองบรรณาธิการวารสารนาฬาคิรีปริทรรศน์ ภาควิชาศาสนาและปรัชญา คณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา 13170
th-TH
วารสารทางวิชาการนาฬาคิรีปริทรรศน์
-
เปรียบเทียบพรหมตามคติพุทธศาสนาเถรวาทและศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/AJNP/article/view/1917
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเรื่อง การเปรียบเทียบพบว่า โดยมีนัยที่เหมือนกัน คือพรหมในพุทธศาสนาเถรวาทและศาสนาพราหมณ์-ฮินดูเป็นเทพเหมือนกัน เสวยสุขอยู่ในวิมานเหมือนกัน มีพรหมโลกเป็นที่อยู่เหมือนกัน มีอานุภาพเหมือนกัน มีรัศมีกายสว่างไสวเหมือนกัน มีรูปกายเหมือนกัน มีลักษณะภายนอกเหมือนกัน มีความเป็นอยู่ที่สุขสบายเหมือนกัน มีนัยที่ต่างกัน คือพรหมในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูเป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่ เป็นเทพแห่งความเมตตา เป็นผู้สร้างทุกสิ่งในสามโลก มีเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น กำเนิดขึ้นมาเอง มีพระวรกายสีแดง มีสี่พระพักตร์ มีแปดพระกร แต่ละพระกรถือธารพระกร ประคำ ดอกบัว ช้อน คันธนู หม้อน้ำอมฤต คัมภีร์พระเวท ทรงหงส์เป็นพาหนะ มีพระชายาคือพระสุรัสวดี เป็นผู้สร้างวรรณะสี่ขึ้นมา เป็นผู้ให้กำเนิดคัมภีร์พระเวท เป็นบิดาทุกสิ่งในสามโลก เป็นผู้ลิขิตชะตาชีวิตมนุษย์ เป็นหนึ่งในพระตรีมูรติ ไม่มีวันเกิด ไม่มีวันตาย มีชีวิตเป็นอมตะ</p> <p> ส่วนพรหมในพุทธศาสนาเถรวาท เป็นเทพประเภทหนึ่งที่ไม่เสพกามคุณ มีจำนวนมหาศาล อาศัยอยู่ในพรหมภูมิ เป็นสัตว์โลกชนิดหนึ่งที่มีกุศลมาก มีกำเนิดมาจากมนุษย์ที่บรรลุฌานสมาบัติ เมื่อสิ้นอายุขัยในพรหมภูมิต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏตามกรรม ไม่ได้เป็นอมตะ มีเพียงใบหน้าเดียว มีสองมือ ไม่ได้เป็นผู้ลิขิตชะตาของมนุษย์ ไม่ได้เป็นพระผู้สร้าง ไม่ได้เป็นบิดาของใคร ไม่มีพาหนะทรง มีปีติและสุขเป็นภักษาหาร</p>
พระวรวุฒิ วิสุทธิเมธี โอทอง
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารทางวิชาการนาฬาคิรีปริทรรศน์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-12
2025-08-12
3 2
17
32
-
ศึกษาวิเคราะห์แนวคิดของอานักซาโกรัส
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/AJNP/article/view/1990
<p>บทความนี้ พยายามศึกษาแนวคิดทางปรัชญาของอานักซาโกรัส (Anaxagoras) ในฐานะที่เขาเป็นนักปรัชญาชาวกรีกยุคก่อนโสคราตีสที่มีคุณูปการสำคัญในสาขาอภิปรัชญา จักรวาลวิทยา และชีววิทยา แนวคิดของเขาท้าทายมุมมองที่มีอยู่ในยุคของเขา และวางรากฐานสำหรับการพัฒนาทางปรัชญาในภายหลัง แม้ว่า ความคิดของเขาจะกว้างขวาง แต่ก็พอสรุปได้ว่า เขาเสนอว่า ทุกสิ่งในจักรวาลประกอบด้วยอนุภาคที่แบ่งได้ไม่สิ้นสุดและแบ่งแยกไม่ได้ที่เรียกว่า "เซ้นส์" หรือ "เมล็ดเซ้นส์" อนุภาคเหล่านี้ เป็นองค์ประกอบพื้นฐานของสสารทั้งหมด และประกอบด้วยแง่มุมต่างๆ ของเหตุผลหรือสติปัญญาที่อยู่ภายใน</p> <p>แนวคิดนี้วางรากฐานสำหรับทฤษฎีอะตอมมิกส์ในปรัชญารุ่นหลัง เขาเชื่อว่า เซ้นส์หรือจิตใจ เป็นพลังขับเคลื่อนเบื้องหลังความสงบเรียบร้อยในจักรวาล ความฉลาด (Nous : อนุตรจิต,จิต,สติปัญญา) นี้เองที่ทำให้สิ่งต่างๆ เคลื่อนไหวและควบคุมกระบวนการทางธรรมชาติ การเน้นย้ำถึงบทบาทของจิตใจในจักรวาลถือเป็นการเบี่ยงเบนไปจากคำอธิบายในตำนานของบรรพบุรุษของเขาอย่างมีนัยสำคัญ จักรวาลวิทยาถูกสร้างขึ้นโดยส่วนผสมและการแยกตัวของอนุภาคเซ้นส์ เขาปฏิเสธแนวคิดเกี่ยวกับจักรวาลวิทยาก่อนหน้านี้ที่อ้างถึงเหตุการณ์ท้องฟ้าว่าเป็นพระเจ้าหรือพลังในตำนาน แต่เขากลับแสวงหาคำอธิบายตามธรรมชาติสำหรับปรากฏการณ์จักรวาล เขาตั้งข้อสังเกตว่า อนุภาคเซ้นส์เป็นเพียงสิ่งเดียวที่มีความฉลาด ในขณะที่สิ่งอื่นๆ ในโลกวัตถุนั้นไร้เหตุผล แนวคิดนี้มีอิทธิพลต่อการศึกษาปรัชญาในภายหลังเกี่ยวกับปัญหาร่างกาย จิตใจและธรรมชาติของจิตสำนึก</p>
ธนาธิป ฮาดเนาลี
พระมหายงยุทธ ธีรธมฺโม
คงสฤษฏ์ แพงทรัพย์
กฤต ศรียะอาจ
พระจาตุรงค์ ชูศรี
อริย์ธัช ศรีภัทรโกสินทร์
พระครูปริยัติสโมธาน พระครูปริยัติสโมธาน
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารทางวิชาการนาฬาคิรีปริทรรศน์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-12
2025-08-12
3 2
33
48
-
แนวทางการปฏิบัติเพื่อเข้าถึงสวรรค์ในพระพุทธศาสนาเถรวาท
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/AJNP/article/view/1991
<p>สวรรค์ในพระพุทธศาสนาเถรวาท หมายถึง ภูมิที่มีอารมณ์เป็นเลิศ คือเป็นที่อยู่ของเทวดา ประเภทของสวรรค์ในพระพุทธศาสนาเถรวาท แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือเสพกามคุณ เรียกว่า “เทวดา” มีอยู่ 6 ชั้น และประเภทไม่เสพกามคุณ เรียกว่า “พรหม” มีอยู่ 20 ชั้น แบ่งเป็นรูปพรหม 16 และอรูปพรหม 4 แนวทางการปฏิบัติเพื่อเข้าถึงสวรรค์ในพระพุทธศาสนาเถรวาท คือการมีศรัทธาต่อพระรัตนตรัย การให้ทาน และการรักษาศีล ทำให้ไปเกิดเป็น “เทวดา” การเจริญภาวนาทำให้ไปเกิดเป็น “พรหม” ถ้าเจริญพระกรรมฐานจนสิ้นอาสวะกิเลสแล้ว ก็จะได้เข้าสู่ความเป็นพระอริยบุคคล คือพระอรหันต์ จึงไม่ต้องกลับมาเกิดอีก</p>
พระวรวุฒิ วิสุทธิเมธี โอทอง
พูนศักดิ์ กมล
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารทางวิชาการนาฬาคิรีปริทรรศน์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-12
2025-08-12
3 2
1
16
-
แนวทางการปฏิบัติเพื่อเข้าถึงสวรรค์ในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
https://so15.tci-thaijo.org/index.php/AJNP/article/view/1992
<p>บทความนี้เขียนเพื่อศึกษา สวรรค์ในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู หมายถึง ที่อยู่อาศัยของเทพ มีอยู่ 3 ชั้น เรียกผู้ที่เกิดในสวรรค์ว่าเทพ ประเภทของสวรรค์ในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ได้แก่ สวรรค์ชั้นล่าง สวรรค์ชั้นกลาง และสวรรค์ชั้นสูง แนวทางการปฏิบัติเพื่อเข้าถึงสวรรค์ในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู คือการมีศรัทธาต่อพระพรหมเทพ พระศิวะเทพ และพระวิษณุเทพ ทำให้บังเกิดเป็นเทพในสวรรค์ชั้นล่าง การปฏิบัติกรรมโยคะ ชยานโยคะ ภักติโยคะ และราชโยคะ ทำให้บังเกิดเป็นเทพในสวรรค์ชั้นกลาง ส่วนสวรรค์ชั้นสูงสุดเป็นที่อยู่ของมหาเทพทั้ง 3 พระองค์ คือพระศิวะเทพ พระวิษณุเทพ และพระพรหมเทพ</p>
พระวรวุฒิ วิสุทธิเมธี โอทอง
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารทางวิชาการนาฬาคิรีปริทรรศน์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-08-12
2025-08-12
3 2
49
67